คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้ว่าสัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางสัญญาจำนองนั้น. ย่อมเป็นการกล่าวอ้างว่าสัญญาขายฝากเกิดจากเจตนาลวงของคู่กรณี โดยคู่กรณีมีเจตนาที่จะทำสัญญาจำนองกัน. หากเป็นจริงดังจำเลยกล่าวอ้างสัญญาขายฝากก็ใช้บังคับไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118. เมื่อสัญญาขายฝากใช้บังคับไม่ได้แล้ว.โจทก์ก็ไม่มีกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทตามสัญญาขายฝาก. และไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย(เทียบตามนัยฎีกาที่ 295/2508).
คดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างสัญญาขายฝาก. ย่อมมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยแต่เพียงว่า โจทก์จะได้กรรมสิทธิ์ตามสัญญาขายฝาก และมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยหรือไม่. และเมื่อไม่ได้พิพาทกันเรื่องการบังคับจำนอง. จึงยังไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าสัญญาจำนองนั้นจะมีผลบังคับได้หรือไม่.

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ทำสัญญาขายฝากบ้านให้แก่โจทก์มีกำหนด 1 ปี ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ไถ่ถอน บ้านจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามกฎหมาย โจทก์ขอให้จำเลยและบริวารออกจากบ้าน จำเลยก็ขอผัดผ่อนเรื่อยมา ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ จึงขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านพิพาท และให้จำเลยมอบบ้านให้โจทก์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายด้วย จำเลยให้การว่า จำเลยได้กู้เงินโจทก์ โดยตกลงกันให้จำเลยนำบ้านพิพาทมาจำนองต่อโจทก์เพื่อเป็นประกันเงินกู้ แต่โจทก์ขอให้จำเลยจดทะเบียนเป็นสัญญาขายฝากเพื่ออำพรางสัญญาจำนอง สัญญาขายฝากจึงเป็นโมฆะ โจทก์จึงไม่มีกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทและไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่าย และวินิจฉัยว่าสัญญาจำนองที่จำเลยอ้างไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จำเลยจะอ้างมาสืบหักล้างนิติกรรมขายฝากไม่ได้ พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 500 บาท นับแต่เดือนพฤศจิกายน2508 จนกว่าจะออกจากบ้านพิพาทแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายก ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำพิพากษาฎีกาที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นอ้างนั้นได้วินิจฉัยเป็นแบบอย่างไว้แล้วว่า ในกรณีที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้ว่าสัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางสัญญาจำนองนั้น ย่อมเป็นการกล่าวอ้างว่าสัญญาขายฝากเกิดจากเจตนาลวงของคู่กรณี โดยคู่กรณีมีเจตนาที่จะทำสัญญาจำนองกัน หากเป็นจริงดังจำเลยกล่าวอ้าง สัญญาขายฝากก็ใช้บังคับไม่ได้ตามลระมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 เมื่อสัญญาขายฝากใช้บังคับไม่ได้แล้ว โจทก์ก็ไม่มีกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทตามสัญญาขายฝาก และไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย ที่โจทก์ฎีกาว่า สัญญาจำนองที่ตกลงกันด้วยปากเปล่าเป็นโมฆะใช้บังคับไม่ได้ แม้จะให้สืบพยานต่อไปก็ไร้ผลนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างสัญญาขายฝาก จึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยแต่เพียงว่า โจทก์จะได้กรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทตามสัญญาขายฝากหรือไม่และมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้หรือไม่ในคดีนี้ไม่ได้พิพาทกันเรื่องการบังคับจำนอง ฉะนั้นจึงยังไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า สัญญาจำนองนั้นจะมีผลบังคับได้หรือไม่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้ดำเนินการสืบพยานต่อไปนั้นชอบแล้ว พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์.

Share