แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ผู้เยาว์ของโจทก์บาดเจ็บสาหัสแม้โจทก์ในฐานะส่วนตัวจะเรียกค่าเสียหายมิได้เพราะบุตรไม่ถึงตายก็ตามแต่โจทก์ก็ยังมีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายแทนบุตรผู้เยาว์ได้ ดังนั้น การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าบุตรโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอคิดค่าเสียหายจึงถือว่าโจทก์เรียกค่าเสียหายแทนบุตรผู้เยาว์แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 2 ในทางการที่จ้างด้วยความประมาทชนเด็กชายระเวียงอายุ 6 ขวบ บุตรของโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส กะโหลกศีรษะยุบ มันสมองไหล กระดูกไหปลาร้าหัก เสียค่ารักษาที่โรงพยาบาลสุราษฎ์ธานี 4,700 บาท ที่โรงพยาบาลประสาทพญาไท 4,587 บาท ค่ารถระหว่างจังหวัดสุราษฎร์ธานีและกรุงเทพมหานครเป็นเงิน 611.50 บาท เด็กชายระเวียงยังไม่หายต้องรักษาพยาบาลต่อไป สมองเสื่อมสติไม่ปกติเหมือนเดิม ศึกษาเล่าเรียนต่อไปไม่ได้ และประกอบการงานไม่ได้จนตลอดชีวิตเป็นเหตุให้โจทก์ขาดไร้อุปการะคิดค่าเสียหายเป็นเงิน 70,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 79,898.50 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่าจำเลยที่ 1 มิได้ประมาท ค่ารักษาพยาบาลไม่ถึงจำนวนที่โจทก์ฟ้อง เด็กชายระเวียงไม่ถึงตายเพียงได้รับบาดเจ็บ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดไร้อุปการะ จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 และไม่ได้กระทำในทางการที่จ้าง รถเกิดเหตุไม่ใช่ของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ใช้ค่ารักษาพยาบาลให้โจทก์ไปแล้ว 2,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของรถยนต์คันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ขับรถคันเกิดเหตุด้วยความประมาท ในทางการที่จ้างชนเด็กชายระเวียงได้รับบาดเจ็บจนพิการตลอดชีวิต ต้องร่วมกันรับผิดตามฟ้องโดยให้หักเงิน 2,000 บาท ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ชำระแก่โจทก์ไปแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 77,898.50 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า โจทก์ฟ้องทั้งในฐานะส่วนตัวและในฐานะบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กชายระเวียง ในฟ้องข้อ 3 ที่โจทก์กล่าวว่าบุตรมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา โจทก์ต้องขาดไร้อุปการะจากเด็กชายระเวียงตลอดไปนั้น เป็นการฟ้องในฐานะส่วนตัวเรียกค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 วรรคสาม ส่วนที่โจทก์บรรยายว่าเด็กชายระเวียงได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะฟ้องก็ยังต้องรักษาพยาบาลอยู่ ที่เห็นได้ชัดคือสติไม่ปกติเหมือนเดิม เสียสุขภาพอนามัย สมองเสื่อม ศึกษาเล่าเรียนต่อไปอีกไม่ได้ ประกอบการงานไม่ได้จนตลอดชีวิต ทั้งไม่อาจรักษาให้หายเป็นปกติได้ ขอคิดค่าเสียหายในการนี้เพียง 10 ปีเป็นเงิน 70,000 บาท ถือได้ว่าโจทก์เรียกค่าเสียหายแทนเด็กชายระเวียงบุตรผู้เยาว์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 แม้ค่าเสียหายในฐานะส่วนตัวโจทก์เรียกร้องไม่ได้ตามกฎหมายเพราะเด็กชายระเวียงมิได้ถึงตาย โจทก์ก็ยังมีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายแทนเด็กชายระเวียงบุตรผู้เยาว์ได้อยู่
พิพากษายืน