คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เวลาจวนพลบค่ำยังไม่มืดนั้นยังไม่ใช่เวลากลางคืนตามความหมายแห่ง ก.ม.อาญา ม.6(24)
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าเหตุเกิดเวลากลางวัน พยานโจทก์บางคนว่าเหตุเกิดตะวันตกดินแล้ว 2 อึดใจ บางคนว่า 3 อึดใจ และบางคนว่าขณะนั้นยังไม่มึด เช่นนี้สมควรจะได้ฟังพยานต่อไปให้สิ้นกระแสร์ความยังไม่ชอบที่จะสั่งงดสืบพยานอื่น ๆ เสีย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๑๑ พ.ค. ๙๗ เวลากลางวันจำเลยสมคบกันใช้มีดแทงและชกต่อยนายโต ถึงแก่ความตายโดยเจตนาขอให้ลงโทษ
จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้าย แต่วันเดียวกันเวลา ๑ ทุ่ม เศษตะวันตกดินแล้วนายดีจำเลยได้แทงนายโตเพื่อป้องกันชีวิตนายจัน จำเลยขณะตกอยู่ในอันตรายส่วนนายจันจำเลยเป็นแต่ผู้ที่ถูกนายโตบีบคอ
ศาลจังหวัดนครราชสีมาสืบพยานโจทก์ได้ ๓ ปาก แล้วสั่งงดสืบพยาน แล้ววินิจฉัยว่าตามคำพยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าเหตุเกิดเวลาตวันตกดินแล้วตาม ก.ม.อาญา ม.๖ (๒๔) ถือว่าเป็นเวลากลางคืน เมื่อโจทก์ฟ้องว่าเหตุเกิดเวลากลางวัน จำเลยต่อสู้ว่าเหตุเกิดเวลากลางคืน ข้อเท็จจริงที่ปรากฎในทางพิจารณาจึงต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้องในสาระสำคัญต้องด้วย ป.วิ.อาญา ม. ๑+๒ วรรค ๒ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามกระบวนความ
จำเลยฎีกาว่าควรฟังว่าเหตุเกิดเวลากลางคืน
ศาลฎีกาเห็นว่าเกี่ยวกับเวลาเกิดเหตุเช่นคดีนี้ได้อธิบายไว้แล้วในคำพิพากษาฎีกาที่ ๓๖๐/๒๔๘๐ ระหว่างอัยการราชบุรี โจทก์ นายเฉลิม ชินบดี กับพวก จำเลยว่าเวลาจวนพลบค่ำยังไม่มืดนั้นไม่ใช่เวลากลางคืนตาม ความหมายแพ่ง ม.๖ (๒๔) ก.ม.อาญา เพราะถ้าพระอาทิตย์ตกไปแล้วย่อมจะค่ำมืดลงเป็นธรรมดา จริงอยู่คดีนี้พยานเบิกความว่าเหตุเกิดตวันตกดินแล้ว บางคนว่า ๒ อึดใจ บางคนว่า ๓ อึดใจ แต่คำพยานนั้นปรากฎต่อไปว่าขณะนั้นยังไม่มืด เพียงแต่มองไม่เห็นดวงตวันเท่านั้นและก็ยังมีแสงแดง ๆ อยู่
พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share