แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยเข้าครอบครองที่สาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกันโดยเชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยมีสิทธิครอบครอง ต่อมาทางราชการได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทราบว่าเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์และให้จำเลยออกไป แต่จำเลยไม่ยอมออก ถือว่าจำเลยมีเจตนายึดถือครอบครองที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้เข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์โคกห้วยทรายในท้องที่ตำบลแวงใหญ่กิ่งอำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันและเป็นที่ดินของรัฐ รวมเนื้อที่ 8 ไร่1 งาน โดยเข้าไปก่อสร้างตัดต้นไม้แล้วทำนา ทั้งนี้โดยจำเลยมิได้มีสิทธิครอบครองและมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108, 108 ทวิ และให้จำเลยกับบริวารออกจากที่ดินดังกล่าว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9, 108, 108 ทวิ วรรคสอง จำคุก 3 เดือน และปรับ 2,000 บาทให้รอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี และให้จำเลยพร้อมบริวารออกจากที่ดินที่เข้ายึดถือครอบครองดังกล่าว จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่าที่เกิดเหตุเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ จำเลยเข้าครอบครองที่เกิดเหตุโดยเชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองในที่เกิดเหตุ และต่อมาทางราชการได้แจ้งให้จำเลยทราบว่าที่เกิดเหตุเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์แล้ว แต่จำเลยไม่ยอมออก จำเลยยังคงครอบครองที่เกิดเหตุและทำประโยชน์ในที่เกิดเหตุต่อมา ในปัญหาที่โจทก์ฎีกาว่าการที่จำเลยยังคงครอบครองทำประโยชน์ในที่เกิดเหตุต่อมาหลังจากที่ได้รับแจ้งว่าที่เกิดเหตุเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ จำเลยจึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ วรรคสอง เห็นว่าการที่จำเลยยังคงอยู่ในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินภายหลังจากที่ทางราชการได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่เกิดเหตุแล้วเช่นนี้ ถือว่าจำเลยมีเจตนาถือครอบครองที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้ว จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ วรรคสอง”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 108 ทวิ วรรคสอง จำคุก 3 เดือน และปรับ 2,000 บาทจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี และให้จำเลยพร้อมบริวารออกไปจากที่เกิดเหตุนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1