แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 เมื่อโจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้บุคคลภายนอกผู้ได้รับความเสียหายไปแล้ว โจทก์ชอบที่จะได้รับชดใช้จากจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 426 และจากจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1ตามสัญญาค้ำประกัน สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะได้รับชดใช้จากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างโจทก์ จำเลยที่ 2เป็นผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างโดยประมาท ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายโจทก์ได้หักค่าจ้างของจำเลยที่ 1 ชดใช้หนี้บางส่วนแล้ว ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลภายนอกเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2531 ซึ่งนับถึงวันฟ้องยังไม่พ้นกำหนด 10 ปี คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 พิพากษาให้จำเลยที่ 1ชดใช้เงินจำนวน 131,440.29 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง (วันที่ 19 กันยายน 2534) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 15,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง (วันที่ 19 กันยายน 2534) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับจากวันที่ 15พฤศจิกายน 2531 ซึ่งเป็นวันเวลาที่โจทก์ได้จ่ายค่าปลงศพและค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายไปแทนจำเลยที่ 1 คดีของโจทก์จึงขาดอายุความแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448พิเคราะห์แล้วเห็นว่าโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425เมื่อโจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้บุคคลภายนอกผู้ได้รับความเสียหายไปแล้ว โจทก์ชอบที่จะได้รับชดใช้จากจำเลยที่ 1ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 426 และจากจำเลยที่ 2ผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 ตามสัญญาค้ำประกัน สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะได้รับชดใช้จากจำเลยที่ 1 และที่ 2ดังกล่าว ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องคดีนี้ภายในกำหนดสิบปีนับจากวันที่โจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้บุคคลภายนอก คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ”
พิพากษายืน