คำสั่งคำร้องที่ 1235/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยทุนทรัพย์ที่พิพาท กันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกา ในข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับคำพิพากษา ศาลชั้นต้น โจทก์จึงสามารถฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้รับสำเนา คำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันชำระเงิน จำนวน 98,765 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย โดยให้จำเลยที่ 3 ชำระในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีหรือให้จำเลยที่ 2 ชำระในอัตรา ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2530 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ ทั้งนี้ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 3,703 บาท ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 ที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 120)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ โดยเสียค่าขึ้นศาลมา 200 บาท(อันดับ 122)

คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 สั่งซื้อสินค้า จากโจทก์เพื่อใช้ในกิจการของจำเลยที่ 1 แทนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ที่ 3 หาต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะส่วนตัวไม่ โจทก์ฎีกาว่า การซื้อสินค้าจากโจทก์ จำเลยที่ 2 ที่ 3 กระทำในฐานะส่วนตัว ขอให้พิพากษาให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 รับผิด เป็นการส่วนตัว เช่นนี้เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ ฟังมา เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อปรากฏว่าคดีนี้มีทุนทรัพย์ ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาใน ข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share