แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกระทำโดยประมาทเลินเล่อ ทำให้รถยนต์ของโจทก์เสียหายต้องนำรถยนต์ไปซ่อมที่อู่บริษัท ท. และชำระค่าซ่อมแก่บริษัทดังกล่าว ขณะยื่นฟ้องคดีนี้จำเลยทั้งสองยังมิได้ชำระค่าซ่อมแก่บริษัทดังกล่าวและยังมิได้ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ ถือว่าโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง แต่ข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์ได้ความว่าวันที่ 11 เมษายน 2545 บริษัท พ. ได้ชำระค่าซ่อมรถยนต์ของโจทก์ให้แก่บริษัท ท. จำนวน 654,568.68 บาท ถือว่าโจทก์ได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนเงินค่าซ่อมเต็มจำนวนตามที่เสียหายแล้วจากบริษัท พ. ย่อมทำให้บริษัท พ. เข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยโดยผลของกฎหมายตาม ป.พ.พ. มาตรา 880 วรรคหนึ่ง การที่จะบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระค่าซ่อมแก่โจทก์ตามคำขอท้ายฟ้องอีกจะมีผลทำให้โจทก์ได้รับค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าความเสียหายที่โจทก์ได้รับจริง จึงไม่อาจบังคับให้ได้ ส่วนการที่บริษัท พ. ในฐานะผู้รับช่วงสิทธิจะใช้สิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยทั้งสองได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่บริษัทดังกล่าวจะใช้สิทธิเรียกร้องต่อไป หาทำให้โจทก์มีสิทธิที่จะขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายเกินกว่าความเสียหายที่โจทก์ได้รับไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 460,080.86 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงินจำนวน 427,981.86 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงินจำนวน 427,983.86 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า ในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง บริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยังมิได้ชำระค่าซ่อมรถยนต์ของโจทก์ให้แก่บริษัทไทย วี. พี. ออโต้เซอร์วิส จำกัด สิทธิในการเรียกค่าเสียหายยังเป็นของโจทก์ และรถยนต์ของโจทก์เป็นรถยนต์นำเข้าจากประเทศอังกฤษ การสั่งซื้ออะไหล่จะต้องสั่งซื้อที่ประเทศอังกฤษ กว่าจะมีการชำระเงินค่าซ่อมกันได้ ก็ล่วงเลยระยะเวลา 1 ปี ซึ่งจะขาดอายุความละเมิดและรับช่วงสิทธิแล้ว ซึ่งจะทำให้บริษัทประกันภัยได้รับความเสียหาย ทางบริษัทประกันภัยจึงมีความเห็นว่าให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายเป็นผู้ใช้สิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองไปก่อน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์กล่าวอ้างว่า จำเลยทั้งสองกระทำการโดยประมาทเลินเล่อ ทำให้เกิดความเสียหายแก่รถยนต์ของโจทก์ โจทก์ต้องนำรถยนต์คันดังกล่าวไปซ่อมที่อู่ของบริษัทไทย วี. พี. ออโต้เซอร์วิส จำกัด และจำต้องชำระค่าซ่อมให้แก่บริษัทดังกล่าว จึงได้รับความเสียหายตามจำนวนค่าซ่อมรถยนต์ที่จะต้องชำระ ขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้จำเลยทั้งสองยังมิได้ชำระค่าซ่อมให้แก่บริษัทดังกล่าวและยังมิได้ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ ถือว่าโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง แต่ข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์ได้ความว่า เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2545 บริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้ชำระค่าซ่อมรถยนต์ของโจทก์ให้แก่บริษัทไทย วี. พี. ออโต้ เซอร์วิส จำกัด จำนวน 654,568.68 บาท ถือว่าโจทก์ได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนเงินค่าซ่อมเต็มจำนวนตามที่เสียหายแล้วจากบริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ย่อมทำให้บริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยโดยผลของกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 วรรคหนึ่ง การที่จะบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระค่าซ่อมแก่โจทก์ตามคำขอบังคับท้ายฟ้องของโจทก์อีก จะมีผลทำให้โจทก์ได้รับค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าความเสียหายที่โจทก์ได้รับจริง จึงไม่อาจบังคับให้ได้ ส่วนการที่บริษัททิพยประกันภัยจำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้รับช่วงสิทธิจะใช้สิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยทั้งสองได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่บริษัทดังกล่าวจะใช้สิทธิเรียกร้องต่อไป หาทำให้โจทก์มีสิทธิที่จะขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายเกินกว่าความเสียหายที่โจทก์ได้รับไม่
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ