คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1916/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะที่พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มีผลใช้บังคับ คือวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ผู้เสียหายเช่ายังเช่านาพิพาทอยู่ และเป็นการเช่าที่ไม่มีกำหนดเวลา หรือมีกำหนดเวลาแต่ต่ำกว่า 6 ปี กำหนดการเช่านาที่ทำไว้เดิมนั้นก็ต้องยืดออกไปอีก 6 ปี โดยผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องแสดงเจตนาจะเช่านาต่อไป และต้องไปตกลงกันใหม่กับจำเลยเจ้าของนาอีก เว้นแต่ผู้เสียหายไม่ประสงค์จะเช่านาต่อไปตามมาตรา 46

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ในขณะที่พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. ๒๕๑๗ ใช้บังคับจำเลยได้ให้นายเฉลา ดีสม เช่านา ๒๔ ไร่ ๘๐ วา ใช้สำหรับทำนามีกำหนดเวลาเช่าต่ำกว่า ๖ ปี การเช่านาจึงต้องมีกำหนดเวลาเช่าตามความในมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. ๒๕๑๗ นายเฉลาผู้เช่ายังมีความประสงค์ที่จะเช่านาต่อไป เมื่อระหว่างวันที่ ๕ พฤษภาคม จนถึงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๑๘ ต่อเนื่องกัน จำเลยได้บังอาจกระทำความผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทง โดยเจตนาทุจริตเพื่อให้นายเฉลาผู้เช่านาได้รับประโยชน์จากนาที่เช่าลดน้อยกว่าที่กำหนดไว้ในการเช่านา และน้อยกว่าสิทธิที่ผู้เช่านามีอยู่ตามกฎหมาย โดยบังอาจก่อให้นายพันธ์ กรัดกระยาง ซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง กระทำความผิดอาญาฐานบุกรุก โดยจำเลยจ้างวาน ใช้ ยุยงส่งเสริมให้นายพันธ์ เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ที่นาดังกล่า เพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดแล้วทำการรบกวนการครอบครองโดยปกติสุขของนายเฉลาผู้เช่านา โดยเข้าไปไถนาปลูกข้าวลงในที่นาแปลงนั้น ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. ๒๔๑๗ มาตรา ๒๘(๔), ๔๕ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒,๘๔
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า การเช่านาพิพาทเป็นการตกลงเช่าเป็นรายปี และเพิ่งเช่าทำเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗ ยังฟังไม่ได้ว่าในปี ๒๕๑๘ ผู้เสียหายได้แสดงเจตนาจะเช่านาของจำเลยต่อไป โดยได้ไปตกลงขอเช่าที่นาจากจำเลยแล้ว สิทธิการเช่านาระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยจึงยังไม่เกิดขึ้น ผู้เสียหายยังไม่มีสิทธิครอบครองทำนาของจำเลยการที่จำเลยเข้าทำนาของจำเลยเองนั้น ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒ และไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๒๘(๔), ๔๕ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์ที่เหลือและสืบพยานจำเลยต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ขณะที่พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. ๒๕๑๗ มีผลใช้บังคับ ผู้เสียหายเช่านาพิพาทอยู่ และเป็นการเช่าที่นาไม่มีกำหนดเวลา หรือมีกำหนดเวลาแต่ต่ำกว่า ๖ ปี กำหนดการเช่านาที่ทำไว้เดิมนั้นก็ต้องยืดออกไปอีก ๖ ปี โดยอำนาจของกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๔๖ การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องก็ย่อมเป็นความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. ๒๕๑๗ ได้ เว้นแต่ผู้เสียหายไม่ประสงค์เช่านาต่อไปเท่านั้น และโดยเหตุที่การยืดเวลาการเช่าเช่นนี้เป็นผลมาจากการที่กฎหมายได้บังคับไว้ คู่กรณีจึงไม่จำเป็นต้องไปตกลงกันใหม่อีก คดีจึงชอบที่จะต้องพิจารณาพยานหลักฐานต่อไป ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต้องแล้วด้วยความเห็นของศาลฎีกาแล้ว
พิพากษายืน

Share