คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีร้องขัดทรัพย์ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์ไปจัดการฟ้องคดีเพื่อดำเนินคดีกับผู้ร้องเสียใหม่ และให้รอคดีร้องขัดทรัพย์ไว้รอฟังผลคดีใหม่ คำสั่งเช่นนี้เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์

ย่อยาว

เดิมโจทย์ฟ้องจำเลยเรื่องผิดสัญญาเงินกู้ ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงนำยึดที่ดิน ๑ แปลง ผู้ร้องขัดทรัพย์ร้องว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของผู้ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์ให้การว่า ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่ใช่เจ้าของ เพราะได้ยกให้ภริยาผู้ร้องขัดทรัพย์ไปแล้ว และภริยาผู้ร้องขัดทรัพย์ได้โอนขายให้จำเลยที่ ๑ แต่ภายหลังผู้ร้องขัดทรัพย์ได้ฟ้องภริยาและจำเลยที่ ๑ ขอถอนคืนการให้ซึ่งเป็นไปโดยสมยอม ขอให้ยกคำร้องขัดทรัพย์
ศาลชั้นต้นเห็นว่า แม้ศาลจะสั่งยกคำร้องขัดทรัพย์ โจทก์ก็ไม่มีทางจะเอาที่ดินขายทอดตลาดได้ เพราะที่ดินลงชื่อผู้ร้องอยู่ จึงสั่งให้โจทก์จัดการฟ้องผู้ร้อง และให้รอคดีเรื่องขัดทรัพย์ไว้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ไปจัดการฟ้องคดีเพื่อดำเนินคดีกับผู้ร้องเสียใหม่ ส่วนการดำเนินคดีในเรื่องขัดทรัพย์ให้รอฟังผลในคดีที่โจทย์ฟ้องนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๖ (๑)
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และยกฎีกาของผู้ร้อง.

Share