แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 308 นั้น ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยจะยกขึ้นต่อสู้หลังจากวันชี้สองสถานและสืบพยานโจทก์ไปแล้วไม่ได้
ย่อยาว
นายทองสุข ธาระ ผู้เป็นเจ้าของเรือ “ธาระประเสริฐ” ที่ล่มและนายศิริ คำเจริญ นายสุรินทร์ คำเจริญ ผู้โดยสารในเรือลำที่ล่มได้เป็นโจทก์ฟ้องนายจำรัส ทิพโกศัย เจ้าของเรือ “ช่วยชูสมบัติ” จำเลยที่ 1 และนายเปลี่ยน ช่วยชู นายท้ายเรือจำเลยที่ 2 ว่าจำเลยที่ 2 ประมาทขับเรือมาชนเรือโจทก์ล่ม ขอให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสองปฏิเสธว่า มิได้ประมาทเลินเล่อเป็นความผิดของเรือโจทก์เอง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาทั้ง 3 สำนวน แต่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาสำนวนนายสุรินทร์ เพราะทุนทรัพย์ไม่ถึง 2,000 บาท คงเหลือมาสู่ศาลฎีกาเพียง 2 สำนวน
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยประมาทเป็นเหตุให้ชนเรือโจทก์ล่มจริง ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่าโจทก์ฟ้องเมื่อเกิน 6 เดือนตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 308 นั้นจำเลยยกขึ้นต่อสู้ภายหลังการชี้สองสถานและโจทก์สืบพยานไป 2 นัดแล้ว ปัญหาอายุความนี้ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ศาลชั้นต้นไม่รับเป็นคำให้การต่อสู้คดีชอบแล้ว ศาลฎีกาจึงพิพากษายืน