แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ใหญ่บ้านยื่นเรื่องราวต่อคณะกรรมการอำเภอโดยเชื่อว่าข้อความในเรื่องราวนั้นเป็นความจริงถึงแม้เรื่องราวนั้นจะเป็นเท็จ ก็ไม่มีความผิดฐานร้องเรียนเท็จ คำให้การ
ย่อยาว
โจทก็ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านได้ยื่นเรื่องราวต่อคณะกรรมการอำเภอหาว่าโจทก์ให้การเท็จ โจทก์ถูกกักขังอยู่ ๗ ชั่วโมง ข้อความที่จำเลยรายงานนั้นเป็นความเท็จซึ่งจำเลยรู้อยู่แล้ว จึงขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การรับสารภาพ แต่แถลงว่าการที่จำเลยยื่นเรื่องราวต่อคณะกรรมการอำเภอว่าโจทก์เบิกความเท็จนั้นก็โดยรู้มาจากผู้อื่น จำเลยไม่มีเจตนาร้ายต่อโจทก์
โจทก์จำเลยไม่สืบพะยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์กลับให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๑๕๘
ศาลฎีกาตัดสินว่าตาม ม.๑๕๘ บัญญัติไว้ชัดว่าผู้ใดแกล้งเอาความที่มันรู้อยู่ว่าเป็นเท็จไปร้องเรียนหรือฟ้องกล่าวโทษผู้อื่นมีความผิด แต่คดีนี้โจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยรู้ว่าเรื่องราวนั้นเป็นเท็จ การที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าเมื่อจำเลยรับสารภาพว่าได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงก็ยุตตินั้น เมื่อได้พิเคราะห์คำให้การจำเลยแล้วต้องเข้าใจเพียงว่าจำเลยมีเจตนาจะให้การภาคเสธว่าจำเลยได้ยินเรื่องราวจริง แต่เรื่องราวนั้นไม่จริง แต่ทำไปในฐานเป็นผู้ใหญ่บ้านโดยเชื่อว่าข้อความในเรื่องราวเป็นความจริง เมื่อเป็นดังนี้จำเลยจึงยังไม่มีผิดตาม ม.๑๕๘ จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ปล่อยจำเลยไป