คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1244/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ช. ถือดาบวิ่งเข้ามาจะทำร้ายจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ได้ยืมปืนจากม.ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มาดึงลำกล้องปืนขึ้นลำถือเตรียมไว้ เมื่อมีคนพาตัว ช. กลับไปแล้ว จำเลยที่ 2 ก็คืนปืนนั้นให้ ม.ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามความหมายในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองมีอาวุธปืนสั้นใช้ยิงได้คนละหนึ่งกระบอกและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วต่างพกพาไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรแล้วจำเลยที่ 1 กับพวก และจำเลยที่ 2 กับพวก ต่างฝ่ายใช้ปืนนั้นยิงโดยเจตนาฆ่าซึ่งกันและกันแต่ไม่บรรลุผล เพราะกระสุนปืนไม่ถูกจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เพียงแต่ได้รับอันตรายแก่กายสาหัสขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ; (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83, 371

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนกับฐานพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ปฏิเสธฐานพยายามฆ่าผู้อื่น

จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72; (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 371 ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ซึ่งเป็นกระทงหนักตามมาตรา 91 แต่มีอายุยังไม่เกิน 20 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 76 แล้วให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปี 8 เดือนยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามฟ้อง

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการบันดาลโทสะ

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ; (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 เฉพาะจำเลยที่ 2มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 อีกด้วยให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 ; (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2510 มาตรา 3 และให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ซึ่งเป็นกระทงหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำเลยทั้งสองอายุยังไม่เกิน 20 ปีลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 76 แล้ว ให้จำคุกจำเลยที่ 1 8 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 6 ปี 8 เดือน

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานพยายามฆ่า

จำเลยที่ 2 ฎีกาขอให้ยกฟ้อง

ศาลฎีกาได้ตรวจพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 มิได้ยิงฝ่ายจำเลยที่ 1 ก่อนแล้ว จำเลยที่ 1 จึงยิง คดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้กระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น เมื่อจำเลยที่ 2 มิได้ยิงพวกของจำเลยที่ 1 เอาก่อนการที่จำเลยที่ 1 ยิงจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นการป้องกันตัวและกรณีไม่เข้าบันดาลโทสะ

ปัญหาต่อไปก็คือ จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ และฐานพกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรหรือไม่ ข้อเท็จจริงเป็นอันฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ได้ยืมปืนจากนายมรกตมาถือไว้ เมื่อนายชาตรีถือดาบวิ่งเข้ามา จำเลยที่ 2 ได้ดึงลำกล้องปืนขึ้นลำถือเตรียมไว้ มีนายมรกตยืนอยู่ข้าง ๆ เมื่อนายสุกนางฉอ้อนพาตัวนายชาตรีกลับไปแล้ว จำเลยที่ 2 จึงคืนปืนให้นายมรกต เห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามความหมายในมาตรา 7 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 สำหรับความผิดฐานพาอาวุธปืนจำเลยที่ 2 ไม่ได้พาปืนเคลื่อนที่ไปไหน จึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 ได้พาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share