คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2807/2515

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์สั่งซีเมนต์เม็ดจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อผลิตเป็นซีเมนต์ผงขายมิได้สั่งซีเมนต์เม็ดเพื่อขาย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ประกอบการค้าตามความหมายในประมวลรัษฎากร มาตรา 77 คือโจทก์ไม่ต้องเสียภาษีการค้าตามที่ระบุในบัญชีอัตราภาษีการค้าและรายการที่ประกอบการค้า ตามมาตรา 78 วรรคแรก และโจทก์ไม่ต้องเสียภาษีการค้าในกรณีให้ถือว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าเป็นผู้ประกอบการค้าตาม มาตรา 78 วรรคสอง
เมื่อโจทก์มิใช่ผู้ประกอบการค้าซีเมนต์เม็ด จึงถือไม่ได้ว่าการนำซีเมนต์เม็ดเข้ามาสำหรับผลิตเป็นซีเมนต์ผงเป็นการขายสินค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 ทวิ(3)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด เป็นนิติบุคคลกรรมการบริษัทโจทก์สองนายมีอำนาจลงลายมือชื่อประทับตรากระทำการในนามของบริษัทโจทก์ได้ ตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องหมาย 1 จำเลยทั้งสองเป็นกรมในสังกัดกระทรวงการคลัง เป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 1 มีหน้าที่เรียกเก็บภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพื่อจำเลยที่ 2สำหรับสินค้าที่เข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งผู้ประกอบการค้าผู้นำเข้ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลในขณะนำเข้า จำเลยที่ 2มีหน้าที่ควบคุมเก็บรัษฎากรประเภทต่าง ๆ ดังกำหนดไว้ในประมวลรัษฎากร

ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2509 โจทก์สั่งซื้อสินค้าซีเมนต์เม็ดจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อผลิตเป็นซีเมนต์ขาย รวม 9 เที่ยวเรือ ตามเอกสารท้ายฟ้องหมาย 2 จำเลยที่ 1 เรียกเก็บภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพื่อจำเลยที่ 2 รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน1,077,287.71 บาท โจทก์เห็นว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล จึงได้มีหนังสือขอคืนภาษีดังกล่าวทั้งหมด จำเลยที่ 1 โดยความเห็นชอบของจำเลยที่ 2 ยินยอมคืนเงินภาษีให้โจทก์เพียงบางส่วนเป็นเงิน 774,340.85 บาท ยังไม่คืนให้อีก 298,946.86บาท และในปี 2510 กับปี 2511 โจทก์สั่งซื้อสินค้าซีเมนต์เม็ดจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อผลิตเป็นซีเมนต์ขายจนถึงวันฟ้อง 7 เที่ยวเรือ ตามเอกสารท้ายฟ้องหมาย 3 จำเลยที่ 1 เรียกเก็บภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพื่อจำเลยที่ 2 รวมเป็นเงิน166,155.72 บาท โจทก์เห็นว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องเสีย ได้มีหนังสือทักท้วงไป จำเลยทั้งสองไม่ยอมคืนเงินภาษีให้ขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงิน 465,102.58 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยร่วมกันเสียค่าธรรมเนียมกับค่าทนายความแทนโจทก์

จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์นำซีเมนต์เม็ดเข้ามาในราชอาณาจักรโจทก์ขอเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 5 จากยอดรายรับ และโจทก์เสียภาษีการค้ากับภาษีบำรุงเทศบาลรวมเป็นเงิน 1,077,287.71 บาทแต่จำเลยทั้งสองเห็นว่าโจทก์ควรเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 1.5 จากยอดรายรับ จำเลยที่ 1 จึงคืนเงินภาษีให้โจทก์ไป 774,340.85 บาทโจทก์สั่งซื้อและนำซีเมนต์เม็ดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมีเจตนาเพื่อขายและเพื่อผลิตเป็นปูนซีเมนต์เพื่อขาย โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 77, มาตรา 78 วรรคสอง, มาตรา 79(6), มาตรา 79 ทวิ (3) ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีการค้า (ฉบับที่ 2) และ (ฉบับที่ 6) ขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมค่าทนายความแทนจำเลยทั้งสอง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์นำซีเมนต์เม็ดเข้ามาเพื่อผลิตเป็นซีเมนต์ผงขาย มิใช่ขายซีเมนต์เม็ด โจทก์จึงไม่ต้องเสียภาษีตามบัญชีอัตราภาษีการค้า ประเภทการค้า 1 ชนิด 1 พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงิน 465,102.58 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์กับให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ 3,000 บาทแทนโจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า โจทก์สั่งซื้อและนำซีเมนต์เม็ดเข้ามาเพื่อขายด้วย และการที่โจทก์นำซีเมนต์เม็ดเข้ามาใช้เพื่อผลิตเเป็นซีเมนต์ผง ถือว่าเป็นการขายซีเมนต์ในวันนำเข้ามาในราชอาณาจักรโจทก์มีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามประมวลรัษฎากรและประกาศอธิบดีกรมสรรพากรตามที่ระบุในคำให้การจำเลย ขอให้ยกฟ้องโจทก์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์สั่งซื้อซีเมนต์เม็ดรายพิพาทเข้ามาเพื่อขาย หรือได้ขายให้แก่โรงงานใดหรือผู้ใด โจทก์สั่งซื้อซีเมนต์เม็ดรายพิพาทเข้ามาใช้เป็นวัสดุเพื่อผลิตเป็นปูนซีเมนต์ของโจทก์เองเพื่อขาย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ประกอบการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 77 โจทก์ไม่ต้องเสียภาษีการค้าตามที่ระบุในบัญชีอัตราภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 วรรคแรก และในฐานะผู้นำเข้าตามมาตรา 78 วรรคสอง และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 2) กับ(ฉบับที่ 6) ทั้งสองฉบับ ทั้งกรณีจะบังคับตามมาตรา 79(6) และมาตรา 79 ทวิ (3) ไม่ได้ด้วย พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยทั้งสองเสียค่าทนายความ 1,000 บาทแทนโจทก์

จำเลยทั้งสองฎีกาว่า โจทก์สั่งซีเมนต์เม็ดเข้ามาโดยมีเจตนาเพื่อขาย โจทก์จึงเป็นผู้ประกอบการค้าซึ่งมีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 วรรคแรก ประเภท 1 การขายของชนิด 1 (ก) มาตรา 78 วรรคสอง มาตรา 79 ทวิ (3) พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 21)พ.ศ. 2509 มาตรา 4(3) และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีการค้า (ฉบับที่ 2) และ (ฉบับที่ 3)

ศาลฎีกาตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาแล้ว

โจทก์นำสืบว่า ปกติโจทก์ผลิตซีเมนต์เม็ดขึ้นจากโรงงานของโจทก์เอง และโจทก์ใช้ซีเมนต์เม็ดผลิตเป็นซีเมนต์ผงขาย เมื่อซีเมนต์เม็ดที่ผลิตขึ้นเองไม่พอ โจทก์จึงสั่งซีเมนต์เม็ดจากต่างประเทศเข้ามาเพื่อผลิตเป็นซีเมนต์ผงขาย โจทก์ไม่มีนโยบายที่จะสั่งซีเมนต์เม็ดเข้ามาขาย เพราะไม่มีลูกค้าที่จะซื้อในประเทศไทย มีแต่บริษัทชลประทานซีเมนต์ จำกัด ซึ่งเป็นคู่แข่งกับโจทก์แต่แห่งเดียวที่ขอซื้อซีเมนต์เม็ดจากโจทก์ในเมื่อซีเมนต์เม็ดของบริษัทที่กล่าวผลิตขึ้นมาไม่เพียงพอ และโจทก์จะขายให้เมื่อโรงงานของโจทก์ผลิตซีเมนต์เม็ดได้มากเท่านั้นจำเลยทั้งสองไม่สืบพยาน

ข้อโต้เถียงว่าโจทก์สั่งซีเมนต์เม็ดเข้ามาโดยมีเจตนาเพื่อขายหรือไม่นั้น โจทก์แถลงว่า ซีเมนต์เม็ดรายพิพาทนี้ โจทก์สั่งเข้ามาสำหรับผลิตเป็นซีเมนต์เพื่อขายโดยเฉพาะ ไม่ได้สั่งเข้ามาเพื่อขายทั้งที่เป็นเม็ด ๆ นั้น จำเลยแถลงรับในข้อนี้ว่าซีเมนต์เม็ดรายพิพาทก็ดี ซีเมนต์เม็ดที่โจทก์สั่งมาจากต่างประเทศก่อน ๆ นั้นก็ดี โจทก์ไม่เคยนำไปขายในรูปที่ยังเป็นซีเมนต์เม็ด แต่โจทก์นำไปผลิตเป็นซีเมนต์ผงขาย และจำเลยไม่นำสืบโต้แย้งข้อนำสืบของโจทก์เช่นนี้ ยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์สั่งซีเมนต์เม็ดรายพิพาทเข้ามาเพื่อขายที่โจทก์เคยขายซีเมนต์เม็ดให้แก่บริษัทชลประทานซีเมนต์ จำกัด เมื่อซีเมนต์เม็ดที่โจทก์เคยขายไปนั้นไม่ใช่ซีเมนต์เม็ดรายพิพาทก็ไม่มีเหตุผลให้ฟังว่าโจทก์สั่งซีเมนต์เม็ดรายพิพาทเข้ามาโดยมีเจตนาเพื่อขายด้วย หากมีผู้ซื้อ ดังฎีกาของจำเลย

ปัญหาว่า ซีเมนต์เม็ดรายพิพาทจะต้องเสียภาษีการค้าตามบทกฎหมายในประมวลรัษฎากรดังที่จำเลยฎีกาขึ้นมาหรือไม่นั้นศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อโจทก์ไม่ได้สั่งซีเมนต์เม็ดรายพิพาทมาเพื่อขายโจทก์ก็ไม่ใช่ผู้ประกอบการค้าตามความหมายในประมวลรัษฎากร มาตรา 77 คือ โจทก์ไม่ต้องเสียภาษีการค้าตามที่ระบุในบัญชีอัตราภาษีการค้า และรายการที่ประกอบการค้า ตามมาตรา 78 วรรคแรก และโจทก์ไม่ต้องเสียภาษีการค้าในกรณีให้ถือว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าเป็นผู้ประกอบการค้า ตามมาตรา 78 วรรคสอง โดยนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 1606/2512 คดีระหว่าง บริษัทกระเบื้องกระดาษไทย จำกัด โจทก์ กรมสรรพากร กับพวก จำเลยและกรณีนี้ เมื่อฟังไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าซีเมนต์เม็ด ก็จะถือว่าการนำซีเมนต์เม็ดเข้ามาสำหรับผลิตเป็นซีเมนต์ผงเป็นการขายสินค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 79 ทวิ (3) ไม่ได้ด้วย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลยทั้งสอง ให้จำเลยร่วมกันเสียค่าทนายความชั้นฎีกา 2,000 บาทแทนโจทก์

Share