แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่มือเปล่าหากโจทก์สละการครอบครองก็ดี หรือปล่อยให้จำเลยครอบครองไม่ฟ้องภายใน 1 ปีก็ดี โจทก์ย่อมหมดสิทธิ์
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ครอบครองมา 17 ปี จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของจำเลยครอบครองมาตั้ง 27 ปี ดังนี้เมื่อได้ความเมื่อ พ.ศ.2494 โจทก์ไปทำกินที่อำเภอเชียงดาว ฝากที่พิพาทกับนายคง จำเลยขัดขวางและเข้าครอบครองเสียเอง แล้วโจทก์เพิ่งมาฟ้องคดีนี้เมื่อเดือนกันยายน 2496 ต้องฟังว่าฟ้องเกิน 1 ปี นับแต่วันจำเลยเข้าแย่งการครอบครอง จึงหมดสิทธิฟ้อง
และในกรณีเช่นนี้แม้จะถือว่าเป็นอายุความฟ้อง ซึ่งตาม ก.ม.จะต้องยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ หรือไม่ก็ตามแต่ตามคำให้การของจำเลยที่อ้างถึงการถือสิทธิครอบครองที่พิพาทมานั้นพอฟังได้ว่าจำเลยได้ยกข้อนี้ขึ้นต่อสู้ด้วยแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีที่ดิน ๑ แปลง ๑๒ ไร่ เศษที่อำเภอสวรรคโลกจังหวัดสุโขทัย โจทก์ครอบครองมา ๑๗ ปี เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๔ โจทก์ไปหากินต่างจังหวัด ฝากที่ดินกับนายคง จำเลยขัดขวางนายคงไม่ยอมให้ทำกิน พ.ศ.๒๔๙๕ โจทก์กลับมาจึงเกิดพิพาทเรื่องไปถึงอำเภอไม่ตกลง จึงให้คู่ความฟ้อง ระหว่างยังไม่ฟ้องห้ามโจทก์จำเลยเข้าทำกินในที่พิพาท จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
นายหยาดจำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยมา ๒๗ ปีแล้ว
นายตาจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยมีที่ดิน ๑ แปลง เนื้อที่ ๕ ไร่ ได้ครอบครองมา ๑๒ ปีแล้ว โจทก์นำเจ้าพนักงานศาลไปทำแผนที่นำชี้รุกล้ำเขตที่ไร่ของจำเลย
ศาลชั้นต้นฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์และโจทก์ยังไม่ได้สละละทิ้งไปเกิน ๑ ปี พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเชื่อว่าโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองถือสิทธิมาจริง แต่เห็นว่าที่พิพาทเป็นที่มือเปล่าหากโจทก์สละการครอบครองก็ดี หรือปล่อยให้จำเลยครอบครองไม่ฟ้องภายใน ๑ ปี ก็ดีโจทก์ย่อมหมดสิทธิ
ได้ความว่าเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๔ โจทก์ไปทำกินที่อำเภอเชียงดาวฝากที่พิพาทกับนายคงจำเลยขัดขวางและเข้าครอบครองเสียเอง แล้วโจทก์พิ่งมาฟ้องคดีนี้เมื่อเดือนกันยายน ๒๔๙๖ ต้องฟังว่าฟ้องเกิน ๑ ปี นับแต่วันจำเลยเข้าแย่งการครอบครองที่พิพาทจึงหมดสิทธิฟ้อง และในกรณีเช่นนี้แม้จะถือว่าเป็นอายุความฟ้อง ซึ่งตาม ก.ม.จะต้องยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้หรือไม่ก็ตาม แต่ตามคำให้การของจำเลยที่อ้างถึงการถือสิทธิครอบครองที่พิพาทมานั้น พอฟังได้ว่าจำเลยได้ยกขึ้นต่อสู้ด้วยแล้ว
ส่วนที่พิพาทระหว่างนายคงจำเลยกับโจทก์นั้นฟังว่าเป็นของนายคงไม่ใช่ของโจทก์
พิพากษายืน