แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเช่าห้องของโจทก์อยู่อาศัยและทำการค้าตั้งแต่ก่อนใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ พ.ศ. 2486 โจทก์จำเลยได้ทำสัญญากันฉบับหนึ่งเมื่อ-ตุลาคม 2488 ความว่า ให้ขยายเวลาเช่าให้จำเลยต่อไปอีก 12 เดือน ค่าเช่าตามเดิม และในเดือนตุลาคม 2489 จำเลยยังคงอยู่ในที่เช่าต่อไป จำเลยจะต้องเสียค่าเช่าเพิ่มให้โจทก์เป็นเดือนละ 100 บาท สัญญานี้สมบูรณ์ใช้ได้ตามกฎหมาย เพราะในวันทำสัญญานั้น ไม่มีกฎหมายใดห้ามไม่ให้ขึ้นค่าเช่า ถ้าการเช่ามิได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า 2488 และ คดีไม่มีทางจะยกเอา พ.ร.บ.ปี 2489 และ2490 มาบังคับกับสัญญานี้ เพราะได้ทำกันไว้ก่อนแล้ว.
ย่อยาว
คดี ๓ สำนวนนี้ ศาลรวมพิจารณาได้ความว่าจำเลยทั้ง ๓ ได้เช่าห้องพิพาทของโจทก์อยู่อาศัยและทำการค้าก่อนวันใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ. ๒๔๘๖ เมื่อเดือนตุลาคม ๒๔๘๘ จำเลยทั้ง ๓ ต่างได้ทำสัญญาต่างค่าตอบแทนกับโจทก์ขยายเวลาเช่าให้ให้จำเลยอยู่ต่อไปอีก ๑๒ เดือน ถ้าในเดือน ตุลาคม ๒๔๘๙ จำเลยยังคงอยู่ในตึกที่เช่าต่อไป จำเลยต้องเสียค่าเช่าให้โจทก์เดือนละ ๑๐๐ บาทและจำเลยคงอยู่ตลอดมาจนถึงบัดนี้ โจทก์จึงขอฟ้องให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง และชำระค่าเช่าต่อไปจนกว่าจะออกจากตึกที่เช่า ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ก็ขอให้ขับไล่ จำเลยให้การว่าได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ๒๔๙๘ โจทก์ไม่เคยบอกเลิกการเช่า และจำเลยไม่เคยทำสัญญาใดๆกับโจทก์ตามฟ้องศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง.
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาที่โจทก์จำเลยทำกันตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๔๘๘ นับว่าสมบูรณ์ใช้ได้ตามกฎหมายเพราะวันทำสัญญานั้น ไม่มีกฎหมายใดห้ามมิให้ผู้เช่าและผู้ให้เช่าตกลงขึ้นราคาค่าเช่ากัน ถ้าการเช่ามิได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า พ.ศ. ๒๔๘๘ คดีไม่มีทางจะหยิบยก พ.ร.บ. ปี ๒๔๘๙,๒๔๙๐ มาใช้บังคับสัญญานี้ได้ เพราะได้ทำกันก่อนแล้ว
พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง และเสียค่าเช่าตั้งแต่วันฟ้องเดือนละ ๑๐๐ บาท จนกว่าจะออกจากที่เช่า ถ้าไม่ชำระค่าเช่าที่ค้างก็ให้ออกจากที่เช่า