คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีฉ้อโกง เพียงแต่ถูกหลอกลวงให้ส่งทรัพย์ แม้ยังมิทันส่งทรัพย์ให้ ก็ถือว่าผู้ถูกหลอกลวงเป็นผู้เสียหายแล้ว
เจ้าของโคที่หายไป ถูกจำเลยหลอกลวงเอาเงินไปว่าจะเอาโคมาคืนให้เจ้าของโคไม่มีเงิน จึงขอให้บุคคลอื่นออกเงินไถ่เอาโคมา โดยตกลงว่า เมื่อไถ่โคมาแล้ว จะมอบโคให้เป็นสิทธิแก่บุคคลนั้น ดังนี้ เจ้าของโคยังเป็นผู้เสียหายและมีสิทธิร้องทุกข์ได้ตามกฎหมาย

ย่อยาว

ความว่า โคของนางลินหายไป 2 ตัว จำเลยได้มาบอกกับนางลินว่าถ้าอยากได้โคคืน ให้เอาเงินมา และตกลงกัน 200 บาท นางลินไม่มีเงินได้ขอให้นายน้อยออกเงินไถ่เอาโคมาโดยตกลงว่า เมื่อไถ่ได้โคมาแล้ว ให้โคเป็นของนายน้อย จำเลยรับเงินไปแล้วว่า เย็น ๆ จะเอาโคมาให้ ถึงเวลาเย็นจำเลยหานำโคมาให้ไม่ นางลินได้ไปร้องทุกข์ต่ออำเภอ โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ขึ้นหาว่าฉ้อโกงทรัพย์นางลินจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นเห็นว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นองค์แห่งความผิดฐานฉ้อโกงและข้อเท็จจริงได้ความว่านายน้อยเป็นคนมอบเงินให้จำเลย ผู้เสียหายคือนายน้อย นางลินไม่มีอำนาจร้องทุกข์ พิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องของโจทก์ครบองค์ความผิดฐานฉ้อโกงแต่นายน้อยเจ้าของเงินผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์ อัยการไม่มีอำนาจฟ้อง และข้อเท็จจริงในเรื่องผู้เสียหายต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์กล่าวชัดว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงให้เจ้าทรัพย์หลงเชื่อส่งทรัพย์ให้ ครบองค์ความผิดฐานฉ้อโกงและเห็นว่าถ้าฟังเป็นความจริงได้ว่า จำเลยจงใจเจตนาฉ้อโกงแล้วนางลินเจ้าของโคตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ถูกหลอกลวงอย่างตรง ๆ แต่เพียงถูกหลอกลวงเพื่อให้ส่งทรัพย์เท่านี้ โดยยังมิทันจะได้มีการส่งมอบทรัพย์ นางลินก็เป็นผู้เสียหายและมีอำนาจตามกฎหมายที่จะร้องทุกข์ได้ การที่นายน้อยออกเงินให้แก่จำเลยเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องมาจากการที่จำเลยได้หลอกลวงนางลิน ไม่เป็นเหตุให้นางลินพ้นจากการเป็นผู้เสียหาย แต่ศาลล่างยังหาได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าการกระทำของจำเลยเป็นเรื่องเจตนาฉ้อโกงหรือไม่

พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริง แล้วพิพากษาใหม่ตามกระบวนความ

Share