คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1231/2526

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองขึ้นรำวงแล้วจำเลยที่ 1 ลวนลามสาวรำวงจนถูกถีบ จำเลยที่ 1 ลงจากเวทีไปทุบหลอดไฟและดึงแผงไฟข้างเวทีทหารที่รักษาการณ์มาห้าม แล้วเกิดชุลมุนต่อสู้กันสักพักหนึ่งจึงแยกจากกันจำเลยทั้งสองออกจากบริเวณงาน แล้วกลับมาอีกเปลี่ยนเสื้อใหม่อยู่ได้ชั่วครู่ก็ออกจากบริเวณงาน เดินเลี้ยวไปหลังเวทีรำวง ต่อมามีผู้ขว้างลูกระเบิดสังหารไปตกที่พื้นดินที่พวกทหารยืนอยู่บริเวณเวทีรำวง เป็นเหตุให้มีคนตายและบาดเจ็บหลายคน จำเลยทั้งสองรับสารภาพชั้นจับกุมและสอบสวน โดยสมัครใจนำชี้ที่เกิดเหตุ และแสดงท่าทางให้ถ่ายภาพประกอบคำรับสารภาพ ดังนี้ ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4), 83 ได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังเป็นที่สงสัยพิพากษายกฟ้องโจทก์ ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดให้ริบ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4), 83 ให้ลงโทษประหารชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 52 คงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละตลอดชีวิต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว จำเลยขอแถลงการณ์มากับฟ้องฎีกา เข้าใจว่าคงประสงค์จะขอแถลงการณ์ด้วยปาก เห็นว่าไม่จำเป็นแก่คดีจึงให้งด ทางพิจารณาข้อเท็จจริงในเบื้องต้นได้ความว่าวันเกิดเหตุมีงานฉลองผ้าป่าที่บ้านมอญ ตำบลและ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ในบริเวณงานมีมหรสพหลายอย่าง เช่น รำวง มวย และภาพยนตร์ ผู้ที่เข้าไปเที่ยวต้องเสียค่าผ่านประตู ประตูเข้าออกมีเพียงประตูเดียวอยู่ทางด้านทิศใต้รั้วบริเวณงานใช้ไม้ไผ่สานเป็นแผงแล้วใช้กระดาษปิด กั้นไว้รอบ ๆ สูงจากพื้นดินประมาณ3 เมตร จำเลยทั้งสองดื่มสุราจากบ้านแล้วเข้าไปเที่ยวในบริเวณงานเมื่อเวลา 20 นาฬิกา และขึ้นไปรำวงด้วย สิบเอกอภิชาติ นิยมจันทร์ กับพวกประมาณ10 คนร่วมรักษาการณ์อยู่ในบริเวณงาน เวลาประมาณ 23 นาฬิกาเศษจำเลยทั้งสองออกจากบริเวณงาน ต่อมาไม่นานนักมีผู้ขว้างลูกระเบิดสังหารไปตกที่พื้นดินบริเวณเวทีรำวงด้านทิศเหนือ เป็นเหตุให้สิบเอกทรงยศ แสงซื่อและนายอุทิศ แสนใหญ่ ถึงแก่ความตาย ทหาร ประชาชน และสาวรำวงได้รับอันตรายแก่กายอีกหลายคนปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพและผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง รุ่งขึ้นเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยทั้งสองได้

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันขว้างลูกระเบิดสังหารเข้าไปในบริเวณงานดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ โจทก์นำสืบว่าในคืนเกิดเหตุประมาณ22 นาฬิกาเศษ จำเลยทั้งสองขึ้นรำวงจำเลยที่ 1 ลวนลามสาวรำวงในลักษณะโอบกอด สาวรำวงถีบจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ลงจากเวทีรำวงแล้วไปทุบหลอดไฟและดึงแผงไฟข้างเวที สิบเอกอภิชาติกับพวกเข้าไปสอบถามและแนะนำจำเลยที่ 1 ให้กลับบ้าน จำเลยที่ 2 เข้ามาดึงจำเลยที่ 1 ออกไป แต่จำเลยที่ 1กลับชี้หน้าและกวักมือท้าทายสิบเอกอภิชาติกับพวกให้เข้าไปต่อสู้ สิบเอกอภิชาติเข้าไปหาจำเลยที่ 1 และขอร้องให้กลับบ้าน จำเลยที่ 1 กระชากคอเสื้อสิบเอกอภิชาติจนสิบเอกอภิชาติล้มลง พลทหารสันทัด กลิ่นประทุมจึงเตะจำเลยที่ 1 ไปหนึ่งครั้ง ชาวบ้านพวกจำเลยเข้ามาช่วยจำเลย และชาวบ้านอีกพวกหนึ่งเข้าช่วยสิบเอกอภิชาติกับพวกเกิดการชุลมุนต่อสู้กันพักหนึ่งจึงแยกจากกัน จำเลยทั้งสองออกจากบริเวณงานแล้วขี่รถจักรยานยนต์จากไป ต่อมาประมาณ 10 นาทีเศษจำเลยทั้งสองกลับเข้าไปในบริเวณงานปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเปลี่ยนเสื้อใหม่ เดิมจำเลยที่ 1 ใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาวแขนยาว เปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตลายหมากรุกสีแดงคล้ำพับแขนใต้ศอก และเดิมจำเลยที่ 2 ใส่เสื้อสีน้ำตาลแสดแขนยาว เปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นจำเลยทั้งสองอยู่ในบริเวณงานครั้งหลังนี้ประมาณ 5 นาทีก็ออกจากบริเวณงาน เดินเลี้ยวซ้ายไปทางหลังเวทีรำวง ประมาณ 3 นาทีต่อมามีคนร้ายขว้างลูกระเบิดสังหารไปตกที่พื้นดินบริเวณเวทีรำวงด้านทิศเหนือ เป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายแก่กาย พันตำรวจตรีประยูร ชูกุลพนักงานสอบสวน กับพวกไปดูที่เกิดเหตุในคืนเกิดเหตุ สืบสวนทราบเรื่องแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยว่าจำเลยทั้งสองจะเป็นคนร้ายจึงไปติดตามตัวที่บ้านจำเลยในคืนเกิดเหตุแต่ไม่พบ รุ่งขึ้นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2524 พันตำรวจตรีประยูรออกไปตรวจสถานที่เกิดเหตุอีกครั้งหนึ่ง เพราะเวลากลางคืนตรวจได้ไม่ละเอียด ครั้งนี้ได้ทำแผนที่เกิดเหตุไว้ตามเอกสารหมาย ป.จ.8 บันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุตามเอกสารหมาย ป.จ.9 กับได้สอบสวนสาวรำวงไว้ 2 คน คือ นางสาวนกน้อย อารีย์ และนางสาวนุชนาถอารีย์ ตามเอกสารหมาย ป.จ.11 และ ป.จ.12 ตามลำดับ เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสองได้ในวันเดียวกันนั้น ชั้นจับกุมจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ตามบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย ป.จ.13 และ ป.จ.14 ตามลำดับต่อมาวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2524 พันตำรวจประยูรสอบสวนจำเลยทั้งสองจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพตามเอกสารหมาย ป.จ.15 และ ป.จ.16ตามลำดับ วันที่ 5 เดือนเดียวกันพันตำรวจตรีประยูรให้จำเลยทั้งสองนำไปชี้ที่เกิดเหตุทำแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพ พันตำรวจตรีประยูรทำแผนที่สังเขปประกอบคดีและบันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุให้จำเลยทั้งสองลงชื่อไว้ตามเอกสารหมาย จ.1 และ ป.จ.17 ตามลำดับ กับได้ถ่ายภาพการนำชี้ของจำเลยทั้งสองไว้รวม 11 ภาพ ตามภาพถ่ายหมาย ป.จ.18

จำเลยทั้งสองนำสืบว่า ในคืนเกิดเหตุจำเลยทั้งสองพร้อมด้วยนายสมพงษ์ จินดา และนายรำพรรณ ไชยถาวร ได้ไปเที่ยวในบริเวณงานจำเลยทั้งสองคนขึ้นไปรำวงอยู่ประมาณ 10 รอบแล้วไปดูภาพยนตร์ เมื่อภาพยนตร์เลิกก็พากันเดินไปที่เวทีมวยแล้วเดินเที่ยวรอบ ๆ งาน จากนั้นกลับไปที่เวทีรำวง ไปถึงได้ 10 นาทีก็เกิดการชกต่อยกันขึ้นทางบริเวณเวทีรำวงด้านทิศเหนือ จำเลยทั้งสองกับพวกจึงไปเล่นกลิ้งบอล เล่นอยู่ประมาณ10 นาทีก็ชวนกันกลับบ้าน จำเลยทั้งสองกับพวกออกจากบริเวณงานได้เล็กน้อยก็ได้ยินเสียงตูมดังขึ้น แล้วต่างแยกย้ายกันกลับ เฉพาะจำเลยที่ 1 ไปนอนค้างคืนที่บ้านนายรำพรรณ รุ่งขึ้นจำเลยทั้งสองถูกจับกุม จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธและถูกควบคุมอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอทุ่งช้าง 3 วัน ต่อมามีทหารจำนวนหนึ่งพร้อมด้วยอาวุธครบมือมาขอรับตัวจำเลยทั้งสองไป แล้วทหารได้ทำร้ายร่างกายจำเลยทั้งสองเพื่อให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 1 ทนบาดเจ็บไม่ไหวและจำเลยที่ 2 กลัวว่าจะถูกพาไปค่ายทหารจึงรับสารภาพและยอมลงชื่อในเอกสารโดยไม่ทราบข้อความ

พิเคราะห์แล้ว นายทอน ตามัย พยานโจทก์ ซึ่งมีหน้าที่เก็บบัตรผ่านประตูบริเวณงานในคืนเกิดเหตุเบิกความว่า พยานทำหน้าที่เก็บบัตรผ่านประตูระหว่างเวลา 22 นาฬิกา ถึง 23.30 นาฬิกา โดยทำหน้าที่ร่วมกับนายมะ สินธุก่อนทำหน้าที่พยานเห็นจำเลยทั้งสองขึ้นรำวงในลักษณะคนเมาสุรา จำเลยที่ 1จับต้องร่างกายสาวรำวง สาวรำวงไม่พอใจจึงผลักและถีบจำเลยที่ 1 จากนั้นไปทำหน้าที่ ระหว่างทำหน้าที่เห็นจำเลยทะเลาะกับทหารและมีคนชุลมุนชกต่อยกัน เมื่อการชกต่อยยุติแล้ว จำเลยทั้งสองออกจากบริเวณงานขี่รถจักรยานยนต์ออกไป ต่อมาประมาณ 10 นาทีเศษ จำเลยทั้งสองกลับเข้าไปในบริเวณงานอีก ครั้งหลังนี้จำเลยทั้งสองเปลี่ยนเสื้อใหม่อยู่ในบริเวณงานได้ประมาณ 5 นาที จำเลยทั้งสองก็ออกไป เดินเลี้ยวซ้ายไปทางหลังเวทีรำวงพยานเดินตามไปและหยุดยืนดูอยู่ที่มุมรั้วเห็นจำเลยทั้งสองยืนอยู่หลังเวทีรำวงซึ่งบริเวณนั้นไม่มีผู้อื่นยืนอยู่อีกเลย พยานเดินกลับไปที่ประตูประมาณ 3 นาทีต่อมาก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นที่บริเวณเวทีรำวง พยานสงสัยว่าจำเลยทั้งสองจะเป็นคนก่อเรื่องจึงวิ่งไปดูที่มุมรั้วด้านซ้าย ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองไม่อยู่ที่บริเวณหลังเวทีรำวงแล้ว คำของนายทอนดังกล่าวมี นายเดช คำมอญ ซึ่งเป็นกรรมการควบคุมงาน สิบเอกอภิชาติและพลทหารสันทัดซึ่งเป็นทหารรักษาการณ์ในบริเวณงาน และนายมะเบิกความสนับสนุน โดยนายเดชสิบเอกอภิชาติและพลทหารสันทัดเบิกความสนับสนุนเกี่ยวกับเรื่องที่จำเลยที่ 1 ขึ้นรำวงแล้วลวนลามสาวรำวง นายมะเบิกความสนับสนุนเกี่ยวกับเรื่องที่จำเลยทั้งสองออกไปจากบริเวณงานแล้วกลับเข้ามาใหม่พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อ จำเลยทั้งสองออกจากบริเวณงานในครั้งหลังไม่ได้มุ่งหน้ากลับบ้าน โดยเดินย้อนไปทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นที่ตั้งของเวทีรำวง และเสียงระเบิดดังขึ้นหลังจากจำเลยทั้งสองเดินพ้นประตูไปได้ประมาณ 3 นาที ประกอบกับจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ซึ่งคำให้การของจำเลยทั้งสองในชั้นสอบสวนได้กล่าวถึงพฤติการณ์ในการกระทำความผิดตั้งแต่ต้นจนจบโดยละเอียด นอกจากจะสอดคล้องกับคำพยานโจทก์แล้ว ยังให้การเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อถูกพวกทหารที่ไปรักษาการณ์ในบริเวณงานทำร้าย จำเลยที่ 1มีความเจ็บแค้น จึงให้จำเลยที่ 2 ขี่รถจักรยานยนต์พากลับบ้าน จำเลยที่ 1ไปเอาลูกระเบิดซึ่งซ่อนไว้ที่หัวนอนและเปลี่ยนเสื้อเพราะเสื้อตัวเก่าฉีกขาดขณะถูกทำร้าย จำเลยที่ 2 นำรถจักรยานยนต์เข้าเก็บในบ้านและเปลี่ยนเสื้อเพราะเสื้อตัวเก่าเปื้อน จำเลยที่ 1 มอบลูกระเบิดให้จำเลยที่ 2 แล้วพากันเดินเข้าไปในบริเวณงานเพื่อดูว่าพวกทหารอยู่ที่จุดใด เห็นทหารกลุ่มหนึ่งประมาณ 7-8 คนยืนอยู่ทางด้านทิศเหนือของเวทีรำวง จำเลยทั้งสองจึงออกจากงานบริเวณงานแล้วเดินอ้อมไปทางหลังเวทีรำวง จำเลยที่ 2 เจาะกระดาษที่ปิดแผงซึ่งกั้นเป็นรั้วดูเหตุการณ์ภายใน เห็นพวกทหารยังยืนอยู่ที่เดิม จำเลยที่ 2 จึงขว้างระเบิดไปยังพวกทหารที่ยืนอยู่ จากนั้นจำเลยทั้งสองพากันหนีไป แสดงว่าจำเลยทั้งสองให้การในชั้นสอบสวนโดยความสมัครใจทั้งได้พาพนักงานสอบสวนไปชี้ที่เกิดเหตุ ลงชื่อรับรองในแผนที่สังเขปประกอบคดีและแสดงท่าทางให้ถ่ายภาพเพื่อประกอบคำรับสารภาพด้วย พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักมั่นคง ข้อที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าเหตุที่ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเพราะถูกทหารทำร้ายจนทนบาดเจ็บไม่ไหวและกลัวว่าจะถูกพาไปค่ายทหาร ไม่มีน้ำหนักพอที่จะหักล้างพยานโจทก์ได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันขว้างลูกระเบิดสังหารเข้าไปในบริเวณงานดังโจทก์ฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำเลยทั้งสองชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share