แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ค่าเสื่อมราคารถของโจทก์ที่ถูกรถของจำเลยที่ 2 ซึ่งขับโดยจำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ชน และค่าเช่ารถซึ่งโจทก์ต้องเช่ามาใช้ระหว่างซ่อมรถ ถือได้ว่าเป็นความเสียหายของโจทก์จากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถ ซึ่งจำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดตามกฎหมาย เช่นนี้ เมื่อกรมธรรม์ประกันภัยกำหนดว่าผู้รับประกันภัยจะใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ซึ่งผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดตามกฎหมายจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยรถของจำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสื่อมราคาและค่าเช่ารถให้แก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์หมายเลขทะเบียน ๓ ค – ๓๕๒๙ เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๒ จำเลยที่ ๑ ลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน อ.ย.๐๘๓๘๐ ซึ่งจำเลยที่ ๒ เอาประกันภัยไว้ต่อจำเลยที่ ๓ ด้วยความประมาทชนรถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย ทำให้รถยนต์ของโจทก์เสื่อมราคาลง โจทก์ต้องเสียค่าซ่อมรถและต้องเสียค่าเช่ารถอื่นมาใช้ ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวให้แก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ให้การร่วมกันว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ นำรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ ไปใช้โดยพลการ เหตุคดีนี้เกิดขึ้นเพราะความประมาทของโจทก์ที่จอดรถล้ำเข้ามาในช่องถนน และสุดวิสัยที่จำเลยที่ ๑ จะหลบหลีกได้ หากจำเลยที่ ๒ ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๓ ผู้รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ จะต้องเป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหายแทนค่าเสียหายทั้งหมดมีจำนวนไม่ถึงตามฟ้อง
จำเลยที่ ๓ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิดต่อเหตุที่เกิดขึ้น และจำเลยที่ ๓ ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย เพราะจำเลยที่ ๓ จะต้องรับผิดต่อเมื่อจำเลยที่ ๒ต้องรับผิดเท่านั้น เหตุคดีนี้เกิดขึ้นเพราะความประมาทของโจทก์ฝ่ายเดียว ค่าเสียหายทั้งหมดไม่ถึงตามฟ้อง จำเลยที่ ๒ ทำผิดเงื่อนไขเพราะมิได้แจ้งเหตุให้จำเลยที่ ๓ ทราบ และโจทก์มิได้บอกกล่าวก่อนฟ้องจำเลยที่ ๓ จึงไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ว่าจำเลยที่ ๓ จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสื่อมราคาและค่าเช่ารถที่โจทก์เช่ามาใช้ระหว่างรถโจทก์เข้าซ่อมหรือไม่นั้น เห็นว่า ตามกรมธรรม์ประกันภัย หมวด ๒ ข้อ ๒.๓ มีความว่า “ความรับผิดต่อทรัพย์สิน บริษัทจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย ซึ่งผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดตามกฎหมาย เพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก เนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัย” เมื่อค่าเสื่อมราคาและค่าเช่ารถที่โจทก์เช่ารถผู้อื่นมาใช้นั้น ถือว่าเป็นความเสียหายที่มีต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอกจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ซึ่งจำเลยที่ ๒ ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดตามกฎหมายโดยตรง จำเลยที่ ๓ จึงต้องผูกพันตามกรมธรรม์ประกันภัยชดใช้ค่าเสื่อมราคาและค่าเช่ารถที่โจทก์เช่ารถผู้อื่นมาใช้
พิพากษายืน