คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12268/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดฐานร่วมกันผลิตปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานร่วมกันผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อการค้าแต่ไม่นำมาขึ้นทะเบียน ฐานร่วมกันขายปุ๋ยเคมีที่ผลิตขึ้นเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานร่วมกันขายปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตขึ้นเพื่อการค้าแต่ไม่นำมาขึ้นทะเบียน กับฐานร่วมกันโฆษณาขายปุ๋ยเคมีที่ทำให้เข้าใจว่าเป็นปุ๋ยที่ได้มาตรฐานเหล่านี้ ลักษณะของความผิดและการกระทำความผิดในแต่ละข้อหาที่โจทก์บรรยายฟ้องมาอาศัยเจตนาในการกระทำความผิดแตกต่างแยกจากกันได้ และบางข้อหาเป็นความผิดสำเร็จในตัวเอง และถึงแม้ปุ๋ยอินทรีย์ตามคำฟ้องข้อ 2 และ 3 บางส่วน จะเป็นปุ๋ยอินทรีย์จำนวนเดียวกัน แต่คำฟ้องข้อ 3 โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องว่ามีปุ๋ยอินทรีย์จำนวนหนึ่งจำนวนเท่าใดไม่ปรากฏแน่ชัดซึ่งเป็นปุ๋ยคนละจำนวนกับคำฟ้องข้อ 2 ทั้งจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ให้การรับสารภาพ การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อ. มาตรา 91 ส่วนเจตนาและความมุ่งหมายเดียวกันเพื่อนำออกจำหน่ายของจำเลยที่ 1 และที่ 2 นั้น เป็นเจตนาที่จะใช้ประโยชน์จากปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์ของกลางที่ได้มาจากการกระทำความผิด มิใช่เจตนาในการกระทำความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ.2518 มาตรา 3, 12, 30, 43, 57, 71, 72, 72/1, 72/4, 72/5, 72/6 พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 มาตรา 3, 20, 38, 39, 47, 52 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 271 ริบของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า 1. จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ.2518 มาตรา 12 (1), 57, 72/5 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ตามฟ้อง ข้อ 1. ฐานร่วมกันผลิตปุ๋ยเคมีเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ปรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 40,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 1 ปี
2. จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ.2518 มาตรา 12 (3), 57, 72/5 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ตามฟ้อง ข้อ 2. ฐานร่วมกันผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ปรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 60,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 2 ปี
3. จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ.2518 มาตรา 30 (5), 72/4 วรรคสอง, 72/5 ประกอบมาตรา 71 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ตามฟ้อง ข้อ 3. ฐานร่วมกันผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อการค้าแต่ไม่นำมาขึ้นทะเบียน ปรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 15,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 6 เดือน
4. จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ.2518 มาตรา 12 (1), 57, 72/5 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ตามฟ้อง ข้อ 4. ฐานร่วมกันขายปุ๋ยเคมีที่ผลิตขึ้นเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาตปรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 30,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 6 เดือน
5. จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ.2518 มาตรา 30 (5), 72/4 วรรคสอง, 72/5 ประกอบมาตรา 72 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ตามฟ้อง ข้อ 5. ฐานร่วมกันขายปุ๋ยอินทรีย์ที่ไม่นำมาขึ้นทะเบียนปรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 10,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 3 เดือน
6. จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ.2518 มาตรา 43 (2), 72/1, 72/5 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ตามฟ้อง ข้อ 6. ฐานร่วมกันโฆษณาขายปุ๋ยเคมีทำให้เข้าใจว่ามีวัตถุใดเป็นตัวปุ๋ยหรือเป็นส่วนประกอบของปุ๋ย ซึ่งความจริงมีวัตถุหรือส่วนประกอบนั้นในปุ๋ยไม่เท่าที่ทำให้เข้าใจ ปรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 10,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 3 ที่กำหนด 1 เดือน
7. จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 ประกอบมาตรา 83 ตามฟ้อง ข้อ 7. ฐานร่วมกันขายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการเกษตรกรรมโดยหลอกลวงให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในสภาพคุณภาพว่าเป็นปุ๋ยตามกฎหมายปรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 2,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 6 เดือน
8. จำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 มาตรา 38 วรรคสาม, 52 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ตามฟ้อง ข้อ 8. ฐานร่วมกันไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงแผนการจ่ายผลตอบแทนให้นายทะเบียนทราบก่อนนำไปปฏิบัติ ปรับจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 40,000 บาท
9. จำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 มาตรา 20, 47 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ตามฟ้อง ข้อ 9. ฐานร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยยังมิได้จดทะเบียนการประกอบธุรกิจขายตรง ปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 20,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 2 เดือน
การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ปรับจำเลยที่ 1 รวม 9 กระทง เป็นเงิน 227,000 บาท ปรับจำเลยที่ 2 รวม 7 กระทง เป็นเงิน 167,000 บาท จำคุกและปรับจำเลยที่ 3 รวม 9 กระทง เป็นจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 3 ปี 24 เดือน และปรับ 40,000 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 113,500 บาท ปรับจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 83,500 บาท จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 1 ปี 18 เดือน และปรับ 20,000 บาท หากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 ส่วนจำเลยที่ 3 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทนายจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ 3 ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2558 ตามแบบรับรองรายการทะเบียนคนตายท้ายคำร้อง โจทก์รับว่าจำเลยที่ 3 ถึงแก่ความตายจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ประการต่อไปมีว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือเป็นความผิดหลายกรรม จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกาว่า ความผิดตามฟ้องข้อ 1, 4, 6 มีวัตถุแห่งการกระทำผิด คือ ปุ๋ยเคมี ชื่อ ผลิตภัณฑ์แคลเซียม – โบรอน ตราปูแดง มีเจตนาและความมุ่งหมายเดียวกัน เพื่อนำออกจำหน่ายสู่ท้องตลาด เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท เช่นเดียวกับคำฟ้อง ข้อ 2, 3, 5 มีวัตถุแห่งการกระทำผิด คือ ปุ๋ยอินทรีย์ ชื่อ ผลิตภัณฑ์ผงชูรสอินทรีย์ปูแดง ตราปูแดงไคโตซาน มีเจตนาและจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพื่อนำออกจำหน่ายสู่ท้องตลาด เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทนั้น เห็นว่า ความผิดฐานร่วมกันผลิตปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานร่วมกันผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อการค้า แต่ไม่นำมาขึ้นทะเบียน ฐานร่วมกันขายปุ๋ยเคมีที่ผลิตขึ้นเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานร่วมกันขายปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตขึ้นเพื่อการค้าแต่ไม่นำมาขึ้นทะเบียน กับฐานร่วมกันโฆษณาขายปุ๋ยเคมี ที่ทำให้เข้าใจว่าเป็นปุ๋ยที่ได้มาตรฐานเหล่านี้ ลักษณะของความผิดและการกระทำความผิดในแต่ละข้อหาที่โจทก์บรรยายฟ้องมาอาศัยเจตนาในการกระทำความผิดแตกต่างแยกจากกันได้ และบางข้อหาเป็นความผิดสำเร็จในตัวเอง และถึงแม้ปุ๋ยอินทรีย์ตามคำฟ้องข้อ 2 และ 3 บางส่วนจะเป็นปุ๋ยอินทรีย์จำนวนเดียวกัน แต่คำฟ้องข้อ 3 โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องว่ามีปุ๋ยอินทรีย์อีกจำนวนหนึ่งจำนวนเท่าใด ไม่ปรากฏแน่ชัดซึ่งเป็นปุ๋ยคนละจำนวนกับคำฟ้องข้อ 2 ทั้งจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ให้การรับสารภาพ การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียว ส่วนเจตนาและความมุ่งหมายเดียวกันเพื่อนำออกจำหน่ายของจำเลยที่ 1 และที่ 2 นั้น เป็นเจตนาที่จะใช้ประโยชน์จากปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์ของกลางที่ได้มาจากการกระทำความผิด มิใช่เจตนาในการกระทำความผิด ฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืนสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 กับให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 3 เสียจากสารบบความ

Share