แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้คำฟ้องของโจทก์จะไม่ได้ระบุสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำความผิดก็ตาม แต่ในตอนท้ายของคำฟ้องกล่าวไว้ว่า ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมตัวอยู่ตามหมายขังของศาลชั้นต้นในคดีอาญาหมายเลขดำที่ พ. 17/2540 ซึ่งพออนุโลมได้ว่าเป็นส่วนประกอบของคำฟ้อง และปรากฏว่าในสำนวนคดีดังกล่าวซึ่งรวมอยู่กับสำนวนคดีนี้ พนักงานสอบสวนที่ขอฝากขังจำเลยในขณะที่เป็นผู้ต้องหาได้ระบุสถานที่เกิดเหตุว่า เหตุเกิดที่โรงครัววัดอ่าวพร้าว เลขที่ 70 หมู่ที่ 5 ตำบลเกาะกูด กิ่งอำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด ซึ่งจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วมิได้โต้แย้งคัดค้าน และได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในระหว่างสอบสวนระบุว่ามูลคดีมีเบื้องหลังเกิดจากกระบวนการกลั่นแกล้งของผู้มีอิทธิพลเกี่ยวกับผลประโยชน์ในเขตใกล้เคียงกับวัดอ่าวพร้าว ซึ่งจำเลยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส จึงเป็นข้อบ่งชี้ว่า จำเลยย่อมจะเข้าใจได้ดีว่าเหตุเกิดที่ใด ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๙ , ๙๑
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๙ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ จำคุกกระทงละ ๑ ปี รวมจำคุก ๔ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า คำฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ (๕) บัญญัติให้ฟ้องต้องมีการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ พอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แม้คำฟ้องคดีนี้ไม่ได้ระบุสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำผิดก็ตาม แต่ในตอนท้ายของคำฟ้องโจทก์ได้บรรยายว่า ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมตัวอยู่ตามหมายขังของศาลชั้นต้นในคดีอาญาหมายเลขดำที่ พ. ๑๗/๒๕๔๐ ซึ่งพออนุโลมได้ว่าเป็นส่วนประกอบของคำฟ้องโดยไม่คำนึงว่าคำร้องขอฝากขังเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ดังที่จำเลยฎีกาหรือไม่ เมื่อปรากฏว่าในสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำที่ พ. ๑๗/๒๕๔๐ ซึ่งติดอยู่ตอนหน้าของสำนวนคดีนี้นั้น ตามคำร้องของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกิ่งอำเภอเกาะกูด ที่ขอฝากขังจำเลยในขณะที่เป็นผู้ต้องหาได้ระบุสถานที่เกิดเหตุว่า เหตุเกิดที่โรงครัววัดอ่าวพร้าว เลขที่ ๗๐ หมู่ที่ ๕ ตำบลเกาะกูด กิ่งอำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด จำเลยได้รับสำเนาคำร้องฉบับดังกล่าวแล้วก็มิได้โต้แย้งหรือคัดค้าน และในวันเดียวกันจำเลยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๔๐ ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาปล่อยชั่วคราวในระหว่างสอบสวนก็ระบุว่ามูลคดีนี้มีเบื้องหลังเกิดจากกระบวนการกลั่นแกล้งของผู้มีอิทธิพลเกี่ยวกับผลประโยชน์ในเขตใกล้เคียงกับวัดอ่าวพร้าวซึ่งจำเลยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสในขณะนี้ จึงเป็นข้อบ่งชี้ว่าจำเลยย่อมจะเข้าใจได้ว่าเหตุคดีนี้เกิดที่ใด ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ (๕) แล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกจำเลยถึงกระทงละ ๑ ปี นั้น เห็นว่า หนักเกินไป สมควรกำหนดโทษจำคุกแต่ละกระทงเสียใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดี
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ ๖ เดือน รวม ๔ กระทง เป็นจำคุก ๒๔ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑.