คำสั่งคำร้องที่ 180/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยอุทธรณ์ขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางอนุญาตให้จำเลยอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงนั้น ไม่มีกฎหมายให้อำนาจอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ก. กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยได้ปรึกษากับ ด. ว่าจะทำโทษโจทก์ทั้งสองโดยการตัดโบนัสและไม่ขึ้นเงินเดือน แต่ ก. เปลี่ยนใจไล่โจทก์ทั้งสองออกจากงานจำเลยอุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางมิได้นำข้อเท็จจริงดังกล่าวมาวินิจฉัยประกอบหากนำมาวินิจฉัยจะฟังข้อเท็จจริงได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสองละทิ้งหน้าที่ไปเอง จึงเป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 54 และเมื่อมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ก็ไม่จำต้องพิจารณาสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยอีก

ย่อยาว

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้ จำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ ศาลแรงงานกลางสั่งว่าอุทธรณ์ของจำเลยทุกข้อเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานมาตรา 54 จึงไม่รับอุทธรณ์ และมีคำสั่งในคำร้องขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงว่าพิเคราะห์แล้วไม่มีกฎหมายให้อำนาจอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ให้ยกคำร้อง และมีคำสั่งในคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีว่าศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย คำร้องขอทุเลาการบังคับจึงตกไปด้วย จึงไม่รับคำร้อง

จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาว่า อุทธรณ์ข้อ 2.1 ที่ว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยคดีขัดต่อพยานหลักฐานในสำนวน เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ข้อ2.1 ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป

อนึ่งการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น จำเลยเห็นว่า คำร้องเช่นนี้ควรจะได้รับการพิจารณาสั่งโดยอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางโดยตรงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานกลางและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 31ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 230 วรรคสามโปรดมีคำสั่งยกหรือเพิกถอนคำสั่งของศาลแรงงานกลาง และให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ถ้าหากศาลฎีกามีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาแล้ว โปรดมีคำสั่งให้รับคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยด้วย และจำเลยได้วางเงินเป็นจำนวนพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมกับคำร้องขอทุเลาการบังคบแล้ว จึงขอให้ศาลฎีกาได้โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ด้วย

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานมีคำสั่งว่า “ที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางอนุญาตให้จำเลยอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ไม่มีกฎหมายให้อำนาจอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ และศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่านายกฤษฎิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยได้ปรึกษากับนางโดโรล่าว่าจะทำโทษโจทก์ทั้งสองโดยการตัดโบนัสและไม่ขึ้นเงินเดือน แต่นายกฤษฎิ์เปลี่ยนใจโจทก์ทั้งสองออกจากงาน การที่จำเลยอุทธรณ์ในข้อ 2.1 ว่าศาลแรงงานกลางมิได้นำข้อเท็จจริงดังกล่าวมาวินิจฉัยประกอบ หากนำมาวินิจฉัยจะฟังข้อเท็จจริงได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสองละทิ้งหน้าที่ไปเอง จึงเป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว และเมื่อมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ก็ไม่จำต้องพิจารณาสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยอีก ให้ยกคำร้อง”

Share