คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีพิพาทเรื่องกรรมสิทธิที่ดิน โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้ที่ดินบางส่วนโดยทางต่างๆ กัน แต่ไม่ได้บอกว่าได้มาส่วนไหนเมื่อใด และไม่มีแผนที่สังเขปท้ายฟ้องแต่ระบุเขตติดต่อกว้างยาวมาด้วยดังนี้ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คดีมีประเด็นโต้เถียงเรื่องการครอบครองระหว่างโจทก์จำเลยหากจำเลยจะต่อสู้ว่าจำเลยใช้สิทธิครอบครองโดยให้โจทก์เช่าทำ จำเลยจะต้องให้การให้ชัด มิฉะนั้นโจทก์ย่อมเสียเปรียบไม่อาจทราบข้อนำสืบของจำเลย
การนำสืบนอกประเด็นข้อต่อสู้ศาลย่อมไม่รับวินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินยังไม่มีหนังสือสำคัญ 1 แปลง โดยบางส่วนโจทก์โก่นสร้างเอง บางส่วนได้รับมรดกจากบิดามารดา บางส่วนซื้อมาจากผู้มีชื่อ โจทก์ได้ครอบครองที่ดินแปลงนี้ตลอดมา 20 ปีเศษแล้ว ต่อมาจำเลยได้ไปยื่นคำร้องต่ออำเภอขอรังวัดที่พิพาทรายนี้โดยอ้างว่าเป็นของบิดาจำเลยโจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยทางครอบครองห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง

จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยได้รับมรดกจากขุนภุมเรศภิรมย์กิจบิดาจำเลย จำเลยครอบครองสืบเนื่องตลอดมาจนบัดนี้และว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม มิได้บรรยายว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนใดทิศใดแต่เมื่อใดและมิได้ทำแผนที่สังเขปประกอบฟ้องให้ชัดแจ้ง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าข้อตัดฟ้องฟังไม่ขึ้น โจทก์บรรยายฟ้องมาชัดพอที่จำเลยจะเข้าใจได้แล้วส่วนข้อเท็จจริงโจทก์มีพยานหลักฐานมั่นคงว่าโจทก์ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทมาช้านานแล้วฝ่ายจำเลยให้การว่าที่พิพาทขุนภุมเรศฯ บิดาจำเลยได้มาโดยซื้อจากผู้มีชื่อและได้โก่นสร้างเองบ้าง และใช้สิทธิครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมาโจทก์มิได้เกี่ยวข้อง แต่ครั้นนำสืบกลับสืบว่าโจทก์และสามีโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาท โดยสามีและบุตรเขยโจทก์เช่าที่พิพาทจากขุนภุมเรศฯ การนำสืบเช่นนี้เป็นการสืบนอกประเด็นข้อต่อสู้รับฟังไม่ได้ นอกจากนี้โจทก์ยังเป็นผู้ยึดถือที่พิพาทอยู่ ซึ่งกฎหมายสันนิษฐานว่าเจตนายึดถือเพื่อตน ย่อมได้สิทธิครอบครองพยานจำเลยไม่อาจหักล้างได้ จึงพิพากษายืน

Share