คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในระยะเวลาที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลย ก็ดี ส่งหมายต่างๆให้จำเลยจนกระทั่งพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี ก็ดีเป็นไปในระหว่างจำเลยเป็นโรคเส้นประสาทอย่างแรงถึงขนาดที่เรียกว่าวิกลจริต หรือสติฟั่นเฟือนไม่ปรกติดังนี้ถือได้ว่าจำเลยมิได้จงใจหลีกเลี่ยงไม่ต่อสู้คดี ฉะนั้นเมื่อจำเลยร้องขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ ก็มีเหตุสมควรให้ดำเนินการพิจารณาใหม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกสินสมรสและมรดกของนายฮักลี้ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีฝ่ายโจทก์ฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดทรัพย์ตามคำสั่งศาลเพื่อดำเนินการตามคำพิพากษา

จำเลยได้ยื่นคำร้องว่า ขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างว่า จำเลยป่วยเป็นโรคเส้นประสาท จิตใจไม่ปกติ ต้องไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลโรคจิต ธนบุรี ออกจากโรงพยาบาลยังต้องไปพักผ่อนต่างจังหวัดจำเลยไม่ทราบเรื่องที่ฟ้อง

ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนแล้ว ให้ยกคำร้องของจำเลย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามพฤติการณ์ที่ปรากฏข้อเท็จจริงแสดงว่า ในระยะเวลาที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยก็ดี ส่งหมายต่าง ๆ ให้จำเลยจนกระทั่งพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีก็ดี เป็นไปในระหว่างที่จำเลยเป็นโรคเส้นประสาทอย่างแรงถึงขนาดที่เรียกว่า วิกลจริตหรือสติฟั่นเฟือนไม่ปกติ จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยได้ต่อสู้คดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207, 208, 209 พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการพิจารณาคดีนี้ใหม่ ฯลฯ

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาคงฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ และเชื่อว่า การขาดนัดเป็นเพราะความวิปริตของจำเลย เนื่องจากโรคเส้นประสาทอย่างแรงถึงอาการวิกลจริต หาใช่เป็นเพราะจำเลยจงใจหลีกเลี่ยงไม่ต่อสู้คดีไม่คดีมีเหตุผลสมควรให้ดำเนินการพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 จึงพิพากษายืน

Share