คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยให้การว่ามีสิทธิได้รับส่วนแบ่งนาพิพาทบางส่วนร่วมกับโจทก์ ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์จำเลยต่างทำนาพิพาทด้วยกัน ต่างเป็นเจ้าของรวมกันดังนี้ คดียังอาจมีทายาทอื่นครอบครองนาพิพาทร่วมอีก ซึ่งมิได้เข้ามาในคดี จะกำหนดแบ่งส่วนเกี่ยวกับนาพิพาทให้แก่คู่ความยังไม่ได้ชอบที่จะว่ากล่าวกันเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก จึงต้องยกฟ้องคดีของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางบุเป็นเจ้าของที่ดินมือเปล่า นางบุตาย โจทก์กับนายเฟื่องต่างเป็นบุตรผู้ตายรับมรดก นายเฟื่องตาย โจทก์ที่ 2 บุตรรับมรดกแล้วครอบครองร่วมกับโจทก์จำเลยนำพนักงานที่ดินทำการรังวัดเพื่อออกน.ส.3 เป็นของจำเลย ขอให้ศาลพิพากษาว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ ฯลฯ

จำเลยให้การว่า สามีจำเลยครอบครองนาพิพาทร่วมกันกับโจทก์จำเลยมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งนาพิพาทบางส่วนร่วมกับโจทก์ ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่านาพิพาทเป็นของโจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์จำเลยต่างทำนาพิพาทด้วยกันต่างเป็นเจ้าของรวมกัน ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า ถ้าศาลฟังว่านาพิพาทเป็นมรดกนางบุ หากจำเลยมีส่วนได้ร่วมกับโจทก์ ก็สมควรจะพิพากษาแบ่งให้โจทก์ โดยโจทก์มิจำต้องฟ้องแบ่งจากจำเลยอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(2) ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ยังอาจมีทายาทอื่นครอบครองนาพิพาทร่วมอีก ซึ่งมิได้เข้ามาในคดี จะกำหนดแบ่งส่วนเกี่ยวกับนาพิพาทให้แก่คู่ความดังที่โจทก์อ้างยังไม่ได้ ชอบที่จะได้ว่ากล่าวกันเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก

พิพากษายืน

Share