แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิมโจทก์ทำสัญญาซื้ออิฐไว้จากผู้ขาย ชำระราคาแล้ว แต่ยังไม่มีการแยกนับและส่งมอบ ต่อมาโจทก์ได้ให้จำเลยไปรับอิฐบางส่วนจากผู้ขายดังกล่าวเพื่อถวายวัด จำเลยรับอิฐเกินไปจากที่โจทก์สั่ง แล้วนำอิฐส่วนที่เกินนี้ไปขายเสียเอง การที่จำเลยไปรับอิฐแทนโจทก์นั้นถือว่าได้มีการแยกนับจำนวนแน่นอนเป็นครั้งคราวเฉพาะอิฐจำนวนที่จำเลยรับไปนั้นได้โอนเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ไปแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 460 การที่จำเลยนำอิฐที่รับเกินไปขายโดยไม่มีอำนาจย่อมเป็นการกระทำโดยปราศจากอำนาจและเมื่อทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องบังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 812
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ซื้ออิฐจากผู้ขายรวมจำนวน 140,000 ก้อนชำระราคาแล้ว ส่วนอิฐผู้ซื้อจะไปรับเอาในภายหลัง ต่อมาโจทก์ให้จำเลยไปรวมรวมอิฐจากผู้ขายจำนวน 40,000 ก้อนเพื่อถวายวัดปงวัง แต่จำเลยไปรวบรวมได้ถึง 86,300 ก้อน แล้วนำอิฐจำนวนที่รับเกินมา 46,300 ก้อนไปขายโดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระค่าอิฐ4,630 บาทแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าได้นำอิฐที่รับเกินไปขายจริง แต่ยังไม่ได้รับเงินจากผู้ซื้อจำเลยเป็นหุ้นส่วนกับโจทก์ซึ่งจะต้องแบ่งกำไรกันคนละครึ่งหักจากเงินค่าอิฐที่ขายแล้ว จำเลยเป็นหนี้โจทก์เพียง 1,830 บาท จำเลยขอคิดค่าเสียหายที่โจทก์ดำเนินคดีอาญากับจำเลย 5,000 บาท หักหนี้กับโจทก์แล้วคงเหลือ3,170 บาท จึงฟ้องแย้งขอบังคับโจทก์ใช้ค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นไม่รับฟ้องแย้ง เสร็จการพิจารณาแล้วพิพากษาว่า อิฐตามสัญญาซื้อขาย ผู้ขายยังไม่ได้ส่งมอบ โจทก์ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในอิฐที่ซื้อ โจทก์ยังไม่มีอำนาจฟ้องไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นอื่นตามที่กำหนดไว้ต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ได้ทำสัญญาซื้อิฐจากผู้ขายรวม 5 ราย มีจำนวน 140,000 ก้อน โจทก์ได้ชำระค่าอิฐล่วงหน้า ส่วนอิฐผู้ขายแต่ละรายเป็นผู้ดูแลรักษาไว้โดยโจทก์หรือผู้แทนโจทก์จะไปรับมอบในภายหลัง ต่อมาจำเลยเป็นผู้ไปรับอิฐจากผู้ขายแทนโจทก์ไปทั้งหมด 86,300 ก้อน แล้วนำอิฐจำนวนดังกล่าวไปให้นายประพัฒน์ 30,000ก้อน และถวายวัดปงวัง 10,000 ก้อน ตามคำสั่งของโจทก์ ส่วนที่เหลือ 46,300 ก้อน จำเลยนำไปขายให้นายชุมและยังไม่ได้ชำระค่าอิฐจำนวนนี้ให้แก่โจทก์
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้ตอนทำสัญญาซื้อขายจะยังมิได้มีการนับแยกจำนวนแน่นอนเพื่อการส่งมอบ อันจะถือได้ว่ากรรมสิทธิ์ในอิฐที่ซื้อโอนไปยังโจทก์ผู้ซื้อ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 460ก็ตาม แต่การที่จำเลยไปรับอิฐจากผู้ขายแทนโจทก์ตามจำนวนในเวลาต่อมาถือได้ว่าได้มีการแยกนับจำนวนแน่นอนเป็นครั้งคราวตามที่จำเลยรับมอบไปจากผู้ขายแทนโจทก์แล้วตามสัญญา ศาลฎีกาเห็นว่าเฉพาะอิฐจำนวนที่จำเลยรับไปนั้นได้โอนเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ไปแล้ว หากเป็นดังข้ออ้างโจทก์ว่าจำเลยนำอิฐส่วนที่รับเกินไปขายโดยไม่มีอำนาจโดยชอบ ย่อมเป็นการกระทำโดยปราศจากอำนาจ และเมื่อทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอบังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 812ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน