คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ผู้เช่าซื้อชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ครบถ้วนแล้ว ได้เอารถยนต์ไปประกันภัยกับบริษัทจำเลย โดยผู้ให้เช่าซื้อเป็นผู้แนะนำและได้รับค่าคอมมิชชั่นจากบริษัทจำเลย และเป็นผู้รับฝากเงินเบี้ยประกันภัยจากโจทก์เพื่อชำระให้แก่บริษัทจำเลยการที่มีชื่อผู้ให้เช่าซื้อเป็นผู้เอาประกันในกรมธรรม์ แต่ในวงเล็บมีชื่อโจทก์และที่อยู่ของผู้เอาประกันก็ลงที่อยู่ของโจทก์ ทั้งนี้ โดยผู้ให้เช่าซื้อมิได้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยนั้น หลังจากโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนก็เพื่อเป็นการสะดวกแก่การที่จำเลยจะมาเก็บเงินและเพื่อผู้ใช้เช่าซื้อจะได้ค่าคอมมิชชั่นด้วยเท่านั้น โจทก์ผู้เช่าซื้อจึงเป็นผู้เอาประกันภัย มีอำนาจฟ้องบริษัทจำเลยผู้รับประกันภัยเกี่ยวกับความเสียหายของรถยนต์ของโจทก์ที่เอาประกันภัยไว้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้เอาประกันภัยรถยนต์บรรทุกของโจทก์ไว้กับบริษัทจำเลย โดยจำเลยสัญญาว่าหากเกิดอุบัติเหตุใด ๆ จำเลยจะเป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทุกกรณี ต่อมาระหว่างอยู่ในอายุสัญญาประกันภัยรถยนต์ของโจทก์ได้เกิดอุบัติเหตุชนกับรถยนต์บรรทุกอีกคันหนึ่ง โจทก์แจ้งให้จำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยทราย จำเลยได้ไปที่เกิดเหตุและนำของโจทก์ไปซ่อม โดยรับจะเป็นผู้ชำระค่าซ่อมแทน เมื่ออู่ซ่อมรถเสร็จแล้ว โจทก์แจ้งให้จำเลยนำเงินที่ต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยไปชำระให้แก่อู่ โดยโจทก์จะเป็นผู้ออกค่าซ่อมส่วนที่ยังขาด จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงชำระค่าซ่อมทั้งหมดให้อู่ไป และทวงถามให้จำเลยชำระค่าซ่อมที่จำเลยต้องรับผิดแก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินค่าซ่อมแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ตามฟ้อง และไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับจำเลยตามกรมธรรม์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์เสียหายไม่ถึงที่ฟ้องและไม่เคยทวงถามให้จำเลยชำระค่าเสียหายก่อน ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เพราะไม่บรรยายให้ชัดแจ้งว่าค่าเสียหายของรถมีอะไรบ้าง ราคาเท่าใด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เอาประกันภัยตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ จึงไม่ใช่คู่สัญญากับจำเลย ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันพิพาทไว้กับจำเลย และให้จำเลยชำระค่าซ่อมให้โจทก์
ศาลฎีกาฟ้งข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์พิพาทจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสุโขทัยฮกอันตึ๊งและชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว รถยนต์พิพาทได้ประกันภัยไว้กับบริษัทจำเลย ตามกรมธรรม์ระบุนามผู้เอาประกันว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดสุโขทัยฮกอันตึ๊ง (นายสมศักดิ์ โกสิตานนท์) และระบุที่อยู่ของผู้เอาประกันคือที่อยู่ของโจทก์ ในระหว่างอายุสัญญาประกันภัย รถยนต์พิพาทได้เกิดอุบัติเหตุชนกับรถยนต์คันอื่นได้รับความเสียหายต้องเข้าอู่ซ่อม โจทก์ไปขอเงินชดใช้ตามกรมธรรม์เป็นค่าซ่อมรถ จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ ปัญหาที่ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องคดีหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าแม้ตามกรมธรรม์จะระบุนามผู้เอาประกันว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดสุขโขทัยฮกอันตึ๊งก็ตาม แต่ก็มีในวงเล็บไว้ด้วยว่านายสมศักดิ์ โกสิตานนท์ อันเป็นชื่อโจทก์ ที่อยู่ของผู้เอาประกันก็รังฟังได้แน่ชัดว่าเป็นที่อยู่ของโจทก์ และกรมธรรม์เป็นเพียงหลักฐานลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัย มีลายมือชื่อผู้รับประกันภัยแต่ฝ่ายเดียว จึงรับฟังเป็นแน่นอนว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดสุโขทัยฮกอันตึ๊งเป็นคู่สัญญาผู้เอาประกันภัยไม่ได้ ตามรรเบียบของห้างหุ้นส่วนจำกัดสุโขทัยฮกอันตึ๊ง รถยนต์ที่เช่าซื้อทุกคันจะต้องเอาประกันภัยไว้ในนามของห้างฯ โดยผู้เช่าซื้อเป็นผู้จ่ายเงินเบี้ยประกัน การเอาประกันภัยรถยนต์ของห้างฯ ในระหว่างที่รถยนต์ยังอยู่ในระหว่างสัญญาเช่าซื้อนี้ ในกรมธรรม์จะระบุชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดสุโขทัยฮกอันตึ๊งและภูมิลำเนาของห้างเท่านั้น เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดสุโขทัยฮกอันตึ๊งแนะนำลูกค้าให้กับบริษัทประกันภัย บริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าคอมมิชชั่นแก่ห้าง แต่เมื่อโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว โจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์พิพาทในนามของโจทก์เอง โดยทางห้างฯ ยังคงได้รับค่าคอมมิชชั่นอยู่ และโจทก์นำเงินเบี้ยประกันมาฝากไว้ที่ห้างฯ เพื่อชำระให้จำเลย ห้างฯ จะรับกรมธรรม์จากจำเลยนำมาไว้ที่ห้างฯ เพื่อมอบให้โจทก์ การที่มีชื่อห้างฯ ในกรมธรรม์ก็เพราะเป็นการสะดวกแก่การที่บริษัทจำเลยจะมาเก็บเงินและเพื่อห้างฯ จะได้ค่าคอมมิชชั่นด้วย ที่บริษัทจำเลยออกกรมธรรม์ระบุชื่อโจทก์ไว้ในวงเล็บและระบุภูมิลำเนาของโจทก์แทนที่จะระบุชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดสุโขทัยฮกอันตึ๊งและที่อยู่ของห้างหุ้นส่วนดังที่เคยปฏิบัติเมื่อมีการเอาประกันภัยรถยนต์พิพาทในระยะที่โจทก์ยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบถ้วน จึงเชื่อได้ว่า บริษัทจำเลยรู้ดีอยู่แล้วว่าโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัย ทั้งนี้ โดยโจทก์มาติดต่อกับบริษัทจำเลยเอง การที่กรมธรรม์ระบุชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดสุโขทัยฮกอันตึ๊งไว้ด้วยก็เพื่อประโยชน์ในการที่บริษัทจำเลยจะมาเก็บเงินเบื้ยประกันภัยหาใช่ห้างหุ้นส่วนนั้นเป็นผู้เอาประกันภัยเองไม่ เพราะห้างหุ้นส่วนมิได้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยนั้นหลังจากโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้และเห็นว่าจำเลยต้องรับผิดชดใช้เงินตามกรมธรรม์ จำนวน ๖๐,๐๐๐ บาท ให้โจทก์ปัญหาที่ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ และโจทก์ควรได้ดอกเบี้ยจากจำนวนเงินที่เรียกร้องเพียงใดหรือไม่ ไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ฎีกา จึงไม่วินิจฉัย
พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท ให้โจทก์

Share