คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12199/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยได้รับแจ้งการประเมินภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาลและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วไม่อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตาม ป. รัษฎากร มาตรา 30 แม้อธิบดีกรมสรรพากร โจทก์ที่ 2 จะมีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยได้โดยมิต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่งตามมาตรา 12 แห่ง ป. รัษฎากร และจำเลยไม่มีสิทธิยกขึ้นต่อสู้ในชั้นศาลก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ทั้งสองนำคดีมาฟ้องให้จำเลยชำระค่าภาษีตามที่เจ้าพนักงานประเมิน ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ ภาระการพิสูจน์จึงตกแก่โจทก์ทั้งสองที่จะต้องนำสืบว่า การประเมินของเจ้าพนักงานถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย
การคำนวณภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาลและภาษีมูลค่าเพิ่มต้องอาศัยฐานจากราคาสินค้าที่จำเลยนำเข้ามาในราชอาณาจักร เมื่อราคาใบชาอันแท้จริงในท้องตลาดตรงตามที่จำเลยสำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าซึ่งจำเลยได้เสียภาษีอากรให้แก่โจทก์ทั้งสองครบถ้วนแล้ว การแจ้งการประเมินของโจทก์ที่ 1 ที่ให้จำเลยเสียอากร ขาเข้าเพิ่มเติมนั้นไม่ชอบจึงไม่มีฐานราคาสินค้าที่จะประเมินภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาลและภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มเติมจากจำเลยอีกตามข้ออ้างในคำฟ้องของโจทก์ ศาลต้องพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสอง (วรรคนี้วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2547)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระภาษีอากรพร้อมเงินเพิ่มอากรขาเข้าในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนจากต้นเงินเป็นรายเดือนนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และเงินเพิ่มของภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง แต่เงินเพิ่มที่คำนวณได้มิให้เกินจำนวนภาษีที่ต้องชำระ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์คืนเงินประกันภาษีอากร พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย
โจทก์ทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลภาษีอากรกลาง พิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาล ภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมเงินเพิ่มจนถึงวันฟ้องกับเงินเพิ่มของภาษีมูลค่าเพิ่ม ในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 2 แต่เงินเพิ่มที่คำนวณได้ไม่ให้เกินจำนวน 69,376.95 บาท คำขออื่นของโจทก์ทั้งสองนอกจากนี้ให้ยก และให้โจทก์ที่ 1 คืนเงินประกัน พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลยคำขออื่นของจำเลยนอกจากนี้ให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสองและจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดเมื่อปี 2518 มีวัตถุประสงค์ในการสั่งซื้อใบชาจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามาจำหน่ายในราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 18 ธันวาคม 2530 ถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2537 จำเลยได้นำใบชาซึ่งผลิตโดยประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนจากเมืองฮ่องกงเข้ามาในราชอาณาจักรโดยทางเรือ จำนวน 40 เที่ยวเรือ และยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าต่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ 1 สำแดงปริมาณ วันนำเข้า ราคาสินค้า อากรขาเข้า ภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาล จำนวนเงินวางประกัน แล้วได้รับมอบสินค้าที่นำเข้าไปจากอารักขาของพนักงานเจ้าหน้าที่ ต่อมาพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วเห็นว่าราคาที่สำแดงไว้เป็นราคาต่ำกว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาด จึงเพิ่มราคาสินค้าให้เป็นไปตามราคาสินค้าอันแท้จริงในท้องตลาดและประเมินให้จำเลยชำระอากรขาเข้า ภาษีการค้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีบำรุงเทศบาลค่าธรรมเนียมพิเศษ พร้อมเงินเพิ่ม จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้ และจำเลยฟ้องแย้งขอให้คืนเงินประกันจำเลยอุทธรณ์ว่าการคำนวณภาษีดังกล่าวต้องอาศัยฐานจากราคาสินค้าที่จำเลยนำเข้ามาในราชอาณาจักร เมื่อศาลภาษีอากรกลางฟังว่าราคาใบชาอันแท้จริงในท้องตลาดตรงตามที่จำเลยสำแดงไว้ในใบขนสินค้า การแจ้งการประเมินของโจทก์ที่ 1 ที่ให้จำเลยเสียอากรขาเข้าเพิ่มเติมนั้นไม่ชอบ จึงไม่มีมูลที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระภาษีเพิ่มเติมอีก เห็นว่า แม้ภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาล และภาษีมูลค่าเพิ่มจะเป็นภาษีอากรประเมิน เมื่อจำเลยได้รับแจ้งการประเมินภาษีดังกล่าวแล้วไม่อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตาม ป. รัษฎากร มาตรา 30 อธิบดีของโจทก์ที่ 2 มีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยได้โดยมิต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่งตามมาตรา 12 แห่ง ป. รัษฎากรและจำเลยไม่มีสิทธิยกขึ้นต่อสู้ในชั้นศาลก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ทั้งสองนำคดีมาฟ้องให้จำเลยชำระค่าภาษีตามที่เจ้าพนักงานประเมินซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ ภาระการพิสูจน์จึงตกแก่โจทก์ทั้งสองที่จะต้องนำสืบว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า การคำนวณภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาลและภาษีมูลค่าเพิ่มต้องอาศัยฐานจากราคาสินค้าที่จำเลยนำเข้ามาในราชอาณาจักร เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าราคาใบชาอันแท้จริงในท้องตลาดตรงตามที่จำเลยสำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าซึ่งจำเลยได้เสียภาษีอากรให้แก่โจทก์ทั้งสองครบถ้วนแล้ว การแจ้งการประเมินของโจทก์ที่ 1 ที่ให้จำเลยเสียอากรขาเข้าเพิ่มเติมนั้นไม่ชอบ จึงไม่มีฐานราคาสินค้าที่จะประเมินภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาล และภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มเติมจากจำเลยอีกตามข้ออ้างในคำฟ้องของโจทก์
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสองในคำขอที่ให้จำเลยชำระเงินค่าภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาลภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมเงินเพิ่มกับเงินเพิ่มของภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.

Share