คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1217/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้จัดการมรดกที่ศาลมีคำสั่งตั้งมีอำนาจและหน้าที่ที่จะทำการอันจำเป็นเพื่อให้การเป็นไปตามคำสั่งแจ้งชัดหรือโดยปริยายแห่งพินัยกรรมและเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไปหรือเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดก และเป็นหน้าที่ของผู้จัดการมรดกจะต้องจัดการโดยตนเอง จะให้ผู้ใดทำแทนไม่ได้ เว้นแต่กรณีเข้าข้อยกเว้นให้ผู้จัดการมรดกมอบให้ตัวแทนทำการได้ตามอำนาจที่ให้ไว้โดยชัดแจ้ง หรือโดยปริยายในพินัยกรรม หรือโดยคำสั่งศาล หรือในพฤติการณ์เพื่อประโยชน์แก่กองมรดกผู้จัดการมรดกที่ศาลมีคำสั่งตั้งมิใช่ตัวแทนของทายาท อำนาจหน้าที่และความรับผิดของผู้จัดการมรดกต่อทายาทเกิดขึ้นโดยบทบัญญัติของกฎหมาย จึงมีฐานะเป็นผู้แทนตามกฎหมายของทายาทที่จะต้องจัดการมรดกเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกและทายาท ทายาทหามีอำนาจที่จะสั่งการให้ผู้จัดการมรดกกระทำการใดได้เพียงแต่ผู้จัดการมรดกจะต้องรับผิดต่อทายาทโดยกฎหมายอนุโลมให้นำบทบัญญัติบางมาตราของลักษณะตัวแทนมาใช้ และทายาทย่อมอยู่ในฐานะเป็นผู้ควบคุมการจัดการมรดกของผู้จัดการมรดกให้อยู่ในขอบอำนาจที่พินัยกรรมและกฎหมายกำหนดไว้ รวมทั้งมีอำนาจที่จะขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดกที่ละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ ส่วนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1729,1731,1726,1732 และ 1727 วรรคสอง เป็นกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ศาลเป็นผู้ดูแลให้ผู้จัดการมรดกปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เพื่อให้การจัดการมรดกเป็นไปโดยเรียบร้อย ดังนั้น วิธีการจัดการมรดกซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการมรดกที่จะกระทำเองทายาทและศาลไม่มีอำนาจที่จะบังคับให้ผู้จัดการมรดกปฏิบัติตามมติที่ประชุมทายาทได้

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากวันที่ 11 มกราคม 2534 ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตั้งนายสมัคร สุนทรเวช นายประมวล จันทโรวาทหรือจันทโรวาส นายพจน์บุษปาคม และนางสาวขี่ฮวยหรือกีฮวย แซ่อึ้ง ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมของนางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ ร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของนางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ ผู้ตาย ต่อมานายพจน์ บุษปาคมหรือปุษปาคม ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้จัดการมรดกที่เหลืออยู่จัดการมรดกรายนี้ต่อไป

วันที่ 17 พฤษภาคม 2542 ผู้ร้องที่ 3 และที่ 4 ยื่นคำร้องขอว่านายสมัคร สุนทรเวช และนายประมวล จันทโรวาทหรือจันทโรวาส ละเลยไม่ทำการตามหน้าที่โดยไม่จัดการมรดกด้วยตนเอง แต่ได้มอบให้บริษัทสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ (1990) จำกัด เป็นตัวแทนในการบริหารจัดการทรัพย์สินซึ่งเป็นที่ตั้งตลาดยิ่งเจริญ แล้วนำเงินรายได้เข้ากองมรดก และละเลยไม่ดำเนินการตามหน้าที่ กรณีที่ทายาทบางคนนำเงินกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่งไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว และนำไปให้บุคคลภายนอกใช้จ่าย ขอให้ถอนนายสมัคร สุนทรเวช และนายประมวล จันทโรวาทหรือจันทโรวาส จากการเป็นผู้จัดการมรดก

ระหว่างศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอให้ถอนผู้จัดการมรดก ผู้ร้องที่ 3และที่ 4 ยื่นคำร้องลงวันที่ 5 ตุลาคม 2542 ว่า ตามพินัยกรรมกำหนดให้ผู้จัดการมรดกจัดตั้งบริษัทจำกัด ชื่อบริษัทสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัดโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เรียกว่าตลาดยิ่งเจริญเข้าเป็นทุนของบริษัทและให้ทายาทเป็นผู้ถือหุ้น แต่ผู้จัดการมรดกละเลยให้ทายาทนำบริษัทสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ (1990) จำกัด เข้าบริหารงานในทรัพย์สินที่เรียกว่าตลาดยิ่งเจริญ อันเป็นการขัดต่อพินัยกรรม ผู้ร้องที่ 3 และที่ 4 ได้เรียกร้องให้ผู้จัดการมรดกปฏิบัติตามพินัยกรรมแล้ว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2542ผู้จัดการมรดกได้นัดประชุมทายาทและที่ปรึกษาแล้วมีมติให้บริษัทสุวพีร์ธรรมวัฒนะ จำกัด เข้าบริหารทรัพย์สินของกองมรดกแทนบริษัทสุวพีร์ธรรมวัฒนะ (1990) จำกัด แต่ผู้จัดการมรดกมิได้ปฏิบัติตามมติดังกล่าวผู้ร้องที่ 3 และที่ 4 ไม่อาจบังคับผู้จัดการมรดกให้ปฏิบัติตามมติที่ประชุมดังกล่าว จึงขอให้ศาลบังคับผู้จัดการมรดกปฏิบัติตามมติที่ประชุมอันเป็นหน้าที่ของผู้จัดการมรดก หากผู้จัดการมรดกไม่ปฏิบัติขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของผู้จัดการมรดกทั้งสามด้วย

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เมื่อศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก การจัดการมรดกเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการมรดก เมื่อผู้ร้องเห็นว่าผู้จัดการมรดกไม่กระทำตามหน้าที่ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย ผู้ร้องชอบที่จะร้องขอให้ถอนผู้จัดการมรดก ซึ่งผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ถอนผู้จัดการมรดกแล้วคดีอยู่ระหว่างการไต่สวนคำร้องขอ กรณีตามคำขอท้ายคำร้องนี้ไม่อาจบังคับให้ได้ ยกคำร้อง

ผู้ร้องที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่ผู้ร้องที่ 3 และที่ 4อุทธรณ์ว่า เมื่อผู้จัดการมรดกไม่จัดการมรดกตามมติของที่ประชุมผู้จัดการมรดกซึ่งมีมติให้จัดการมรดกไปตามข้อกำหนดในพินัยกรรมผู้ร้องที่ 3 และที่ 4 ซึ่งเป็นทายาทได้ร้องขอให้จัดการมรดกตามมติของที่ประชุมดังกล่าวแล้ว ทายาทในฐานะตัวการย่อมมีสิทธิบังคับให้ผู้จัดการมรดกในฐานะตัวแทนดำเนินการตามหน้าที่ได้ แต่เนื่องจากเป็นผู้จัดการมรดกที่ศาลมีคำสั่งตั้ง ผู้จัดการมรดกจึงอยู่ในความควบคุมดูแลของศาล และศาลย่อมมีอำนาจบังคับให้ผู้จัดการมรดกที่ศาลมีคำสั่งตั้งให้ปฏิบัติตามหน้าที่ได้เมื่อทายาทร้องขอ เห็นว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกตามข้อกำหนดในพินัยกรรมของเจ้าของมรดกที่ได้ระบุตัวบุคคลและจำนวนผู้จัดการมรดกไว้และตามที่ผู้ร้องทั้งเจ็ดซึ่งเป็นทายาทผู้รับพินัยกรรมร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก ผู้จัดการมรดกที่ศาลมีคำสั่งตั้งมีอำนาจและหน้าที่ที่จะทำการอันจำเป็นเพื่อให้การเป็นไปตามคำสั่งแจ้งชัดหรือโดยปริยายแห่งพินัยกรรม และเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไปหรือเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดกตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1719และการจัดการมรดกเป็นหน้าที่ของผู้จัดการมรดกจะต้องจัดการโดยตนเอง จะให้ผู้ใดทำแทนไม่ได้ เว้นแต่กรณีเข้าข้อยกเว้นให้ผู้จัดการมรดกมอบให้ตัวแทนทำการได้ตามอำนาจที่ให้ไว้โดยชัดแจ้ง หรือโดยปริยายในพินัยกรรมหรือโดยคำสั่งศาล หรือในพฤติการณ์เพื่อประโยชน์แก่กองมรดกตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1723 ผู้จัดการมรดกที่ศาลมีคำสั่งตั้งมิใช่ตัวแทนของทายาท อำนาจหน้าที่และความรับผิดของผู้จัดการมรดกต่อทายาทเกิดขึ้นโดยบทบัญญัติของกฎหมาย ผู้จัดการมรดกจึงมีฐานะเป็นผู้แทนตามกฎหมายของทายาทในอันที่จะต้องจัดการมรดกเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกและทายาท ทายาทหามีอำนาจที่จะสั่งการให้ผู้จัดการมรดกกระทำการใดได้เพียงแต่ผู้จัดการมรดกจะต้องรับผิดต่อทายาทโดยกฎหมายอนุโลมให้นำบทบัญญัติบางมาตราของลักษณะตัวแทนมาใช้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1720 และทายาทย่อมอยู่ในฐานะเป็นผู้ควบคุมการจัดการมรดกของผู้จัดการมรดกให้อยู่ในขอบอำนาจที่พินัยกรรมและกฎหมายกำหนดไว้ รวมทั้งมีอำนาจที่จะขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดกที่ละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1727 ด้วย ส่วนการที่กฎหมายบัญญัติให้ศาลมีอำนาจสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาที่ผู้จัดการมรดกจะต้องทำบัญชีทรัพย์มรดกตามมาตรา 1729 ให้ศาลมีอำนาจถอนผู้จัดการมรดกเมื่อมิได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายในเวลาและตามแบบที่กำหนดไว้ตามมาตรา 1731 ให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาดกรณีที่มีผู้จัดการมรดกหลายคน และการทำการตามหน้าที่มีเสียงเท่ากันไม่อาจหาเสียงข้างมากได้ตามมาตรา 1726 ให้ศาลมีอำนาจกำหนดเวลาการทำรายงานแสดงบัญชี การจัดการและแบ่งปันมรดกของผู้จัดการมรดกตามมาตรา 1732 หรือให้ศาลมีอำนาจสั่งถอนผู้จัดการมรดกตามที่ผู้มีส่วนได้เสียคนใดคนหนึ่งร้องขอ และการที่ผู้จัดการมรดกจะลาออกจากตำแหน่งได้ต้องได้รับอนุญาตจากศาลตามมาตรา 1727 วรรคสอง นั้น เป็นกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ศาลเป็นผู้ดูแลให้ผู้จัดการมรดกปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เพื่อให้การจัดการมรดกเป็นไปโดยเรียบร้อย แต่การที่จะดำเนินการให้บริษัทสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด ที่ตั้งตามพินัยกรรมเข้าบริหารทรัพย์สินของกองมรดกแทนบริษัทสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ (1990) จำกัด ตามคำร้องของผู้ร้องที่ 3 และที่ 4 นั้น เป็นวิธีการจัดการมรดกซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการมรดกที่จะกระทำเอง ทายาทไม่มีอำนาจที่จะบังคับให้ผู้จัดการมรดกกระทำการดังกล่าว และมิใช่อำนาจของศาลที่จะบังคับให้ผู้จัดการมรดกกระทำได้ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ 3 และที่ 4 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของผู้ร้องที่ 3 และที่ 4 ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share