คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1217/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีอาญามูลกรณีเดียวกันซึ่งผู้ว่าคดีฯฟ้องโจทก์เป็นจำเลยสำนวนหนึ่งฐานทะเลาะวิวาทกับนายเจียวไซกับพวกในที่สาธารณสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 372 แล้ว โจทก์ยื่นฟ้องนายเจียวไซกับพวกเป็นจำเลยฐานทำร้ายร่างกายโจทก์ถึงอันตรายตามมาตรา 295 อีกสำนวนหนึ่ง ศาลชั้นต้นสั่งรวมพิจารณาโดยให้ผู้ว่าคดีฯในสำนวนแรกนำสืบก่อน นั้น จะสั่งให้จำเลยในสำนวนหลังซึ่งเป็นพยานของผู้ว่าคดีฯ สำนวนแรกนำสืบในฐานะเป็นจำเลยในสำนวนหลังไปเลยทีเดียว แล้วจึงให้โจทก์คดีนี้นำสืบทีหลังในฐานะเป็นโจทก์คดีนี้และเป็นจำเลยคดีแรกด้วยไม่ได้ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 174

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง 3 สมคบกันทำร้ายร่างกายโจทก์ถึงอันตรายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295

จำเลยให้การปฏิเสธและต่อสู้ว่า โจทก์ซึ่งถูกผู้ว่าคดีฯ ฟ้องเป็นจำเลยในคดีดำที่ 3467/2501 ได้สมัครใจวิวาทกับจำเลย ๆ ได้ถูกตำรวจเปรียบเทียบปรับไปแล้วโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลชั้นต้นสั่งให้รวมพิจารณาคดีนี้กับคดีดำที่ 3467/2501 โดยกำหนดให้ผู้ว่าคดีฯ นำสืบก่อน และเมื่อผู้ว่าคดีฯ นำจำเลยคดีนี้เข้าเบิกความเป็นพยานในคดีดำที่ 3467/2501 นั้น ให้จำเลยนำสืบเป็นข้อต่อสู้โจทก์คดีนี้ไปเลยทีเดียว แล้วจึงให้โจทก์คดีนี้นำสืบในฐานะเป็นจำเลยคดีดำที่ 3467/2501 และในฐานะเป็นโจทก์คดีนี้ไปในคราวเดียวกัน จำเลยคดีนี้ยื่นคำคัดค้านไว้แล้ว (ต่อมาโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ศาลอนุญาต)

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ยกฟ้องของผู้ว่าคดีฯ โจทก์ในคดีดำที่ 3467/2501 ส่วนคดีนี้พิพากษาว่าจำเลยที่ 1-3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ให้จำคุกคนละ 1 เดือน และปรับคนละ 100 บาท โทษจำให้ยก บังคับค่าปรับตามมาตรา 29, 30

จำเลยที่ 1-3 อุทธรณ์ตลอดถึงหน้าที่นำสืบด้วย

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยคดีนี้นำสืบก่อน ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 174 จึงให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะคดีนี้แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่โดยให้โจทก์นำสืบก่อน แล้วให้จำเลยสืบแก้ แล้วพิพากษาใหม่

โจทก์ฎีกาขอให้คงกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นไว้ตามเติม

ศาลฎีกาเห็นว่า คดี 2 สำนวนนี้ แม้จะมีมูลสืบเนื่องกัน ก็ไม่เป็นเหตุที่จะให้จำเลยนำสืบก่อนโจทก์ได้ความอาญา มาตรา 174จึงพิพากษายืน

Share