แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัดโดยไม่จำกัดจำนวนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1077(2) เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดผิดนัดชำระหนี้ ผู้เป็นเจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องผู้เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดให้รับผิดชำระหนี้ได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีการเลิกห้างหุ้นส่วนหรือล้มละลายก่อนหรือจะต้องปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่มีทรัพย์สินพอชำระหนี้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการซึ่งเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิด จำเลยที่ 1 ว่าจ้างโจทก์ปูพื้นห้องด้วยกระเบื้องยางแล้วค้างชำระเงินอยู่เป็นจำนวน 30,178 บาทจึงขอให้บังคับให้จำเลยชำระ
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยว่าจ้างโจทก์ จำเลยที่ 2เป็นเพียงผู้แสดงเจตนาแทนจำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้แก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะฎีกาข้อกฎหมายว่าจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 หรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดจดทะเบียนนิติบุคคลตามกฎหมาย จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิด จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดในหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัดโดยไม่จำกัดจำนวนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1077(2) เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดผิดนัดชำระหนี้ผู้เป็นเจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องผู้เป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดให้รับผิดชำระหนี้ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีการเลิกห้างหรือล้มละลายก่อน หรือจะต้องปราฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่มีทรัพย์สินพอชำระหนี้ ดังนั้น จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1
พิพากษายืน