แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่2และสั่งริบรถยนต์ของกลางจำเลยที่1มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาที่ให้ริบรถยนต์ของกลางและคดีถึงที่สุดแล้วอีกทั้งจำเลยที่1มิใช่บุคคลภายนอกจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งคืนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา36
ย่อยาว
คดีนี้เดิมโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 26, 76, 102 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 และสั่งริบรถยนต์และกัญชาของกลาง ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์ของกลาง และไม่ได้กระทำผิดหรือมีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิด ขอให้ศาลมีคำสั่งคืนรถยนต์คันดังกล่าวที่ริบไว้
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า รถยนต์ของกลางไม่ใช่ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 มีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับให้คืนรถยนต์ของกลางให้แก่จำเลยที่ 1
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่จำเลยที่ 1 ใช้ในการกระทำความผิดและขอให้ริบ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 และสั่งริบรถยนต์ของกลางจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาที่ให้ริบรถยนต์ของกลางและคดีถึงที่สุดแล้ว อีกทั้งจำเลยที่ 1 มิใช่บุคคลภายนอก จึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งคืนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
พิพากษากลับ ให้ยก คำร้อง