คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3626/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ประกันขอประกันตัวจำเลยด้วยความสมัครใจ เมื่อผู้ประกันไม่สามารถติดตามตัวจำเลยมาส่งศาลได้ ผู้ประกันจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและต้องรับผิดตามสัญญาประกันจะอ้างว่าศาลชั้นต้นตีราคาประกันสูงไปจึงขอลดค่าปรับหาได้ไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามฐานฉ้อโกง ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดตามฟ้อง จำคุกคนละ 1 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 3 คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ นางดวงจันทร์แดงบุสดี ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยที่ 1 ชั่วคราวศาลชั้นต้นอนุญาตโดยตีราคาค่าประกันเป็นเงิน 200,000 บาท ครั้นถึงวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นเห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 เป็นการหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงให้ออกหมายจับจำเลยที่ 1 และถือว่าผู้ประกันผิดสัญญาประกัน มีคำสั่งให้ปรับผู้ประกันตามสัญญาประกันผู้ประกันอุทธรณ์ขอลดค่าปรับ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ประกันฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ผู้ประกันฎีกาว่าคดีนี้เป็นคดีเล็กน้อยศาลชั้นต้นตีราคาค่าประกัน 200,000 บาท จึงสูงเกินไป ขอให้ศาลฎีกาลดหย่อนค่าปรับแก่ผู้ประกัน พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่ผู้ประกันขอประกันตัวจำเลยที่ 1 นั้น เป็นความสมัครใจของผู้ประกันเองที่รับจะปฏิบัติตามสัญญาประกัน และยินยอมใช้เบี้ยปรับเต็มตามจำนวนในสัญญาประกัน หากผู้ประกันผิดสัญญา ดังนั้น เมื่อผู้ประกันไม่สามารถติดตามตัวจำเลยที่ 1 มาส่งศาลได้ อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามนัดของศาลทั้งยังไม่ได้ตัวจำเลยที่ 1 มาจนบัดนี้เป็นที่เสียหายแก่การยุติธรรมเช่นนี้ ผู้ประกันจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและต้องรับผิดเต็มตามสัญญาประกัน ผู้ประกันจะอ้างว่าศาลชั้นต้นตีราคาประกันสูงไปหาได้ไม่ และกรณีไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะลดค่าปรับให้ผู้ประกัน คำพิพากษาฎีกาที่ผู้ประกันอ้างมานั้น ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share