แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขายข้าวให้โจทก์ แล้วรับฝากข้าวไว้ในยุ้งโดยไม่มีบำเหน็จ ต่อมาเกิดอุทกภัย จำเลยให้โจทก์มารับข้าวโจทก์ก็ไม่มา จำเลยจึงขายข้าวนั้นไปเพราะเกรงน้ำจะท่วมข้าวเสียหาย หลังจากที่จำเลยได้ขายข้าวของจำเลยเองไปหมดแล้ว ดังนี้ ถือว่าจำเลยในฐานะผู้รับฝากด้วยการทำให้เปล่าไม่มีบำเหน็จ ได้ใช้ความระมัดระวังสงวนทรัพย์สินที่รับฝากไว้เหมือนเช่นได้ประพฤติในกิจการของตนเองดังประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659 วรรคต้น และเป็นการกระทำเพื่อจะปัดป้องอันตรายอันจะเป็นภัยแก่ทรัพย์สินนั้นโดยมิได้จงใจทำผิดหรือเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงประการใด จึงไม่ต้องรับผิดดังนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 398
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อข้าวจากจำเลยแล้วฝากจำเลยเก็บรักษาไว้ต่อมาโจทก์ไปทวงถามข้าวจากจำเลย จำเลยไม่มีให้ จึงขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน 20,000 บาท
จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยรับรักษาข้าวโจทก์ไว้จริง แต่เกิดน้ำท่วมจำเลยแจ้งให้โจทก์ขนย้าย โจทก์ก็เพิกเฉยโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยจำเป็นต้องขายข้าวโจทก์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายจากน้ำท่วม โจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกสัญญาซื้อขาย และขอคืนเงินโจทก์จำเลยได้ส่งเงินคืนโจทก์แล้ว 8,000 บาท จำเลยคงเป็นหนี้โจทก์เพียง 5,700 บาท เท่านั้น
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยขายข้าวเปลือกโจทก์ไปเพราะมีเหตุฉุกเฉินอย่างยิ่งจากน้ำท่วมอันเป็นภัยธรรมชาติ และทำไปเพื่อปัดป้องอันตรายอันจะเกิดแก่ทรัพย์สินของโจทก์ จำเลยมิได้จงใจทำผิดหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ค่าปรับให้โจทก์แต่ต้องรับผิดใช้ค่าข้าวเปลือก จำเลยได้ใช้เงินให้โจทก์แล้ว 8,000 บาท ให้ใช้เงินที่ค้างชำระอีก 5,700 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า ไม่เชื่อว่าจำเลยขายข้าวโจทก์ไปเพราะเกรงน้ำจะท่วม ต้องใช้เงินสองหมื่นบาทแก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยชำระแก่โจทก์แล้ว 8,000 บาท ให้ชำระโจทก์อีก 12,000 บาท นอกจากนี้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้บังคับจำเลยชำระเงินเต็มตามฟ้อง
จำเลยฎีกาขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์เพียง 5,700 บาท
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์จำเลยตกลงกันซื้อขายข้าว ได้ตักตวงกันเป็นส่วนสัด กรรมสิทธิ์จึงเป็นของโจทก์เสร็จเด็ดขาดไปแล้วจำเลยรับรักษาข้าวโจทก์โดยไม่มีบำเหน็จ ต่อมาเกิดอุทกภัย จำเลยได้ขายข้าวของจำเลยซึ่งอยู่ในยุ้งเดียวกับโจทก์แล้ว จึงตัดสินใจขายข้าวโจทก์ไปเพราะเกรงน้ำจะท่วมข้าวในยุ้ง ให้ได้รับความเสียหายและยอมใช้ราคาข้าวตามที่โจทก์ซื้อจากจำเลย ถือว่าจำเลยในฐานะผู้รับฝากด้วยการทำให้เปล่าไม่มีบำเหน็จ ได้ใช้ความระมัดระวังสงวนทรัพย์สินคือข้าวโจทก์ที่ได้ฝากไว้ เหมือนเช่นได้ประพฤติในกิจการของตนเองแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659 วรรคต้น เพื่อประสงค์จะปัดป้องอันตรายอันจะเป็นภัยแก่ทรัพย์สินนั้น โดยมิได้จงใจทำผิดหรือเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงประการใด จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดดังนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 398 โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไป และส่งเงินมาชำระหนี้โจทก์ไม่ใช่ชำระค่าข้าว แต่หลักฐานโจทก์เลื่อนลอย ไม่มีเหตุผลให้เชื่อถือได้ คำกล่าวอ้างของโจทก์จึงรับฟังไม่ได้ เชื่อว่าจำเลยได้ส่งเงินมาชำระค่าข้าวแล้ว 8,000 บาท ยังคงเหลือที่จะต้องชำระแก่โจทก์อีกเพียง 5,700 บาท เท่านั้น
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ยกฎีกาโจทก์