คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 413/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤติการณ์ที่ถือว่าขาดนัดยื่นคำให้การโดยไม่มีเหตุอันสมควร
จำเลยเช่าตึกพิพาทจากเจ้าของเดิมโดยไม่มีกำหนดเวลา เมื่อกรรมสิทธิ์ในตึกพิพาทตกมาเป็นของโจทก์ โจทก์ได้บอกให้จำเลยมาทำสัญญาเช่า จำเลยไม่ยอมมาทำโจทก์จึงบอกกล่าวให้ออกไป จำเลยยังขืนอยู่ เช่นนี้ ถือว่าอยู่โดยละเมิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อตึกแถวจากธนาคารเอเซีย จำเลยและบริวารเข้ามาอยู่โดยละเมิดขอให้ขับไล่
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า มิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเพิกเฉยให้เวลาล่วงเลยมาเดือนกว่า โดยมีเหตุผลเพียงว่า เป็นคนจีนอ่านหนังสือไทยไม่ได้ ไม่เข้าใจในเรื่องคดีความแต่จำเลยก็รับว่าได้ไปปรึกษาญาติ ๆ รับว่าจะไปปรึกษาทนายแล้วเงียบหายไป จำเลยรู้อยู่แล้วว่าศาลกำหนดให้ยื่นคำให้การภายใน ๘ วันเมื่อมีเหตุขัดข้องก็น่าจะรีบแจ้งให้ศาลทราบภายในกำหนดนั้น แต่จำเลยเพิกเฉยเสีย ไม่เอาใจใส่ต่อหมายศาล จนศาลนัดสืบพยานโจทก์ และเอาหมายไปปิด จำเลยก็ไม่มาติดต่อแสดงเหตุขัดข้อง จนต่อมาอีกครึ่งเดือนถึงวันสืบพยานโจทก์จำเลยจึงได้ยื่นคำร้อง(ขอยื่นคำให้การ) พฤติการณ์เป็นเรื่องที่จำเลยไม่เอาใจใส่ต่อคดี เห็นได้ว่าการขาดนัดนั้นเป็นไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การนั้น ชอบแล้ว
จำเลยฎีกาว่า จำเลยเช่าห้องพิพาทจากเจ้าของเดิม โจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์มา ก็ต้องรับโอนสิทธิการเช่าด้วย ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ตามกฎหมายโจทก์ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์จะต้องรับโอนสิทธิการเช่ามาด้วยก็ตาม แต่ไม่ปรากฏว่าการเช่าระหว่างจำเลยกับเจ้าของเดิมนั้นมีกำหนดเวลาประการใด เมื่อกรรมสิทธิ์ตกมาเป็นของโจทก์ โจทก์ได้บอกให้จำเลยมาทำสัญญาเช่าจำเลยไม่ยอมมาทำ โจทก์จึงบอกกล่าวให้ออกไป จำเลยก็ยังขืนอยู่ การที่จำเลยขืนอยู่ต่อไปจึงเป็นการละเมิด ไม่ใช่อยู่โดยการเช่า โจทก์จึงฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายได้
พิพากษายืน

Share