แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เช่าเคหะสถานใช้ประกอบการค้าขายเป็นส่วนใหญ่นั้นไม่อยู่ในความคุ้มครองของพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ.2489(อ้างฎีกาที่521/2489)
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยออกจากห้องเช่า จำเลยให้การต่อสู้ว่า ได้ทำสัญญาเช่าห้องพิพาทจากโจทก์จริง แต่การบอกเลิกสัญญาเช่าของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจำเลยใช้ห้องพิพาทสำหรับเป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ มีสิทธิได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานบุคคลในประเด็นสำคัญที่ว่า ห้องพิพาทนี้ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่หรือไม่นั้นไม่ชอบ พิพากษายกให้ศาลชั้นต้นสืบพยานและพิพากษาคดีใหม่
จำเลยฎีกามีใจความว่า เวลานี้พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ. 2489 ได้ออกคุ้มครองจำเลยแล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องเช่นนี้แม้จะยกพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ. 2489 มาปรับ ศาลฎีกาก็ได้เคยวินิจฉัยไว้แล้วในคำพิพากษาฎีกาที่ 521/89 ว่า ถ้าได้มีการค้าเป็นส่วนใหญ่แล้ว พระราชบัญญัตินั้นไม่บังคับถึง จึงพิพากษายืน