คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 17 เม็ด (หน่วยการใช้) ซึ่งจำนวน 15 หน่วยการใช้ขึ้นไปไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการบรรยายฟ้องว่า จำนวนเม็ดของเมทแอมเฟตามีนเป็นหน่วยการใช้แล้ว เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไว้ในครอบครอง จึงถือได้ว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ให้ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 จำคุก 2 ปี คำให้การในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
โจทก์และจำเลยฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของจำเลยว่า จำเลยมิได้มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมีข้อพิรุธน่าสงสัย ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นคุณแก่จำเลย เห็นว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงไว้ชอบด้วยเหตุผลแล้ว และไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระอันควรแก่การพิจารณา ศาลฎีกาไม่รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 219 วรรคสอง และพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23 วรรคหนึ่ง
มีปัญหาต้องวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2) หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 17 เม็ด (หน่วยการใช้) ซึ่งจำนวน 15 หน่วยการใช้ขึ้นไปไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการบรรยายฟ้องว่า จำนวนเม็ดของเมทแอมเฟตามีนเป็นหน่วยการใช้แล้ว ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองจึงถือได้ว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามมาตรา 15 วรรคสาม (2) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า การครอบครองเมทแอมเฟตามีนของจำเลยเป็นการครอบครองเกิน 15 หน่วยการใช้ แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคหนึ่ง จำคุก 4 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7

Share