แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
แม้ ป.พ.พ. มาตรา 563 มิได้บัญญัติไว้โดยตรงว่า การใช้สิทธิเรียกร้องซึ่งมีอายุความ 6 เดือน นับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่า จะต้องเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างสัญญาเช่าซื้อมีผลใช้อยู่ แต่การที่ ป.พ.พ. มาตรา 563 บัญญัติห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 6 เดือน นับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่า แสดงว่าสิทธิเรียกร้องดังกล่าวต้องเกิดขึ้นแล้วในวันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่า โดยอาจเกิดขึ้นในระหว่างสัญญาเช่าซื้อยังมีผลใช้อยู่ หรือระหว่างที่ผู้เช่าซื้อยังครอบครองทรัพย์สินอยู่ แต่ค่าเสียหายที่โจทก์ขายรถยนต์ที่เช่าซื้อได้ในราคาน้อยกว่าค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ เป็นค่าเสียหายที่โจทก์จะทราบได้ต่อเมื่อโจทก์ได้รับรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนและขายไปแล้ว จึงเป็นค่าเสียหายที่เกิดขึ้นหลังจากวันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าซื้อ กรณีไม่ต้องด้วยอายุความ 6 เดือน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 563 แต่เป็นกรณีที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นการเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายตามสัญญาเช่าซื้อจำนวน 1,405,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 821,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 13 ตุลาคม 2542) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่โจทก์ขายรถยนต์ที่เช่าซื้อได้ราคาน้อยกว่าค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระขาดอายุความหรือไม่ ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่า ค่าเสียหายที่โจทก์ขายรถยนต์ที่เช่าซื้อได้ราคาน้อยกว่าค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระเกิดขึ้นก่อนหรือหลังจากสัญญาเช่าซื้อเลิกกันแล้วจึงต้องฟังว่าเป็นค่าเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างสัญญาเช่าซื้อยังมีผลใช้อยู่ ทั้งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 563 ก็มิได้บัญญัติว่าการฟ้องคดีอันเกี่ยวแก่สัญญาเช่าซื้อมีอายุความ 6 เดือน นับแต่วันที่ส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าจะต้องเป็นค่าเสียหายเฉพาะที่เกิดขึ้นระหว่างสัญญาเช่าซื้อมีผลใช้บังคับอยู่เท่านั้น ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าซื้อก็มีอายุความ 6 เดือนด้วยนั้น เห็นว่า โจทก์นำสืบว่า หลังจากสัญญาเช่าซื้อเลิกกันแล้ว โจทก์ยึดรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแล้วนำออกขายได้ราคา 409,090.91 บาท เมื่อหักออกจากค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระเงินยังขาดอยู่ 798,946.83 บาท แต่โจทก์ขอคิดเพียง 600,000 บาท จึงเป็นการนำสืบว่า ค่าเสียหายที่โจทก์ขายรถยนต์ที่เช่าซื้อได้ราคาน้อยกว่าค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระเกิดขึ้นหลังจากสัญญาเช่าซื้อเลิกกันแล้ว แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 563 มิได้บัญญัติไว้โดยตรงว่า การใช้สิทธิเรียกร้องซึ่งมีอายุความ 6 เดือน นับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่า จะต้องเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างสัญญาเช่าซื้อมีผลใช้อยู่ แต่การที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 563 บัญญัติห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 6 เดือน นับแต่วันส่งคืนทรัพย์ที่เช่า แสดงว่าสิทธิเรียกร้องดังกล่าวต้องเกิดขึ้นแล้วในวันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่า โดยอาจเกิดขึ้นในระหว่างสัญญาเช่าซื้อยังมีผลใช้อยู่ หรือระหว่างที่ผู้เช่าซื้อยังครอบครองทรัพย์สินอยู่ แต่ค่าเสียหายที่โจทก์ขายรถยนต์ที่เช่าซือ้ได้ราคาน้อยกว่าค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ เป็นค่าเสียหายที่โจทก์จะทราบได้ต่อเมื่อโจทก์ได้รับรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนและขายไปแล้ว จึงเป็นค่าเสียหายที่เกิดขึ้นหลังจากวันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าซื้อ กรณีไม่ต้องด้วยอายุความ 6 เดือนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 563 แต่เป็นกรณีที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 โจทก์ขายรถยนต์ที่เช่าซื้อไปเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2541 แล้วฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2542 ภายในกำหนด 10 ปี สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่โจทก์ขายรถยนต์ที่เช่าซื้อได้ราคาน้อยกว่าค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระจึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน