คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์อุทธรณ์ยืดยาวและวกวน และได้ใช้ถ้อยคำในอุทธรณ์ว่า ในประเด็นอื่น ๆ ที่ศาลชั้นต้นยังมิได้นำมาพิจารณาขอได้โปรดนำมาพิจารณาให้เป็นคุณแก่โจทก์ด้วยถือว่าโจทก์ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาแล้ว แต่เมื่อข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างอิงในอุทธรณ์นั้น โจทก์มิได้กล่าวไว้แจ้งชัดในอุทธรณ์ อุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
เมื่ออุทธรณ์ของโจทก์ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย แม้ศาลจะฟังได้ตามข้ออุทธรณ์ของโจทก์ ศาลก็ไม่อาจพิพากษาให้เป็นไปตามอุทธรณ์ของโจทก์ได้ เพราะเป็นการเกินคำขอ
จำเลยให้การว่า โจทก์จำเลยแยกกันและได้หย่าร้างขาดจากสามีภริยากัน ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์จำเลยได้ทิ้งร้างกัน เป็นการวินิจฉัยตามประเด็น ไม่เป็นการนอกประเด็น
โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ความสัมพันธ์ในครอบครัวจึงตกอยู่ภายใต้กฎหมายลักษณะผัวเมีย ทรัพย์สินที่ทั้งสองฝ่ายได้มาในระหว่างทิ้งร้างกัน ไม่เป็นสินสมรสระหว่างกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอแบ่งสินสมรสระหว่างจำเลยกับภริยา และมรดกของภริยาผู้วายชนม์
จำเลยสู้ว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภรรบยากันจริง แต่ได้หย่าร้างขาดจากกันแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิอะไร ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา โจทก์มรณะทายาทขอเข้ารับมรดกความ จำเลยคัดค้าน แต่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า โจทก์กับภรรยามิได้หย่าขาดจากกันแต่ได้เลิกร้างจากกัน ทรัพย์พิพาทเป้นทรัพย์ที่ภริยาได้มาระหว่างเลิกร้างกันไม่เป็นสินสมรส โจทก์ไม่มีสิทธิขอแบ่ง ให้ยกฟ้อง
ผู้รับมรดกความโจทก์อุทธรณ์ขอให้พิพากษาตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ว่าที่ศาลสั่งให้ทายาทเข้ารับมรดกความโจทก์ไม่ชอบ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ผู้ร้องและบุตรเป็นทายาทโจทก์มีสิทธิรับมรดกความ และโจทก์กับภริยาได้ทิ้งร้างกันจริงทรัพย์ที่ภริยาได้มาระหว่างทิ้งร้างไม่ใช่สินสมรส ประเด็นขอแบ่งมรดกโจทก์มิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างโดยชัดแจ้งในอุทธรณ์ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๒๕ ไม่รับวินิจฉัย พิพากษายืนในผลที่ให้ยกฟ้องโจทก์
ผู้รับมรดกความโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในประเด็นที่ว่าโจทก์อุทธรณ์ขอแบ่งมรดกหรือไม่นั้น โจทก์อุทธรณ์ยืดยาวและวกวน และใช้ถ้อยคำในอุทธรณ์ว่า ในประเด็นอื่น ๆ ที่ศาลชั้นต้นยังมิได้นำมาพิจารณา ขอได้โปรดนำมาพิจารณาให้เป็นคุณแก่โจทก์ด้วย พอจะอนุโลมได้ว่าโจทก์ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในประเด็นข้อนี้ด้วยแต่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๒๕ นั้น ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างอิงในการยื่นอุทธรณ์นั้น คู่ความจะต้องกล่าวไว้แจ้งชัดในอุทธรณ์ เมื่ออุทธรณ์ของโจทก์ไม่ได้กล่าวอ้างอิงไว้ว่าการที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดว่าไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้อนี้ของโจทก์เป็นการไม่ชอบด้วยข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงอย่างไร อุทธรณ์ข้อนี้ของโจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย และเมื่ออุทธรณ์ของโจทก์ในข้อที่ว่าโจทก์มีสิทธิได้รับมรดกหรือไม่ ไม่สมบูรณ์แล้ว แม้+างพิจารณาจะได้ความว่าทรัพย์พิพาทเป็นมรดกของผู้ตาย ศาลก็ไม่อาจพิพากษาแบ่งทรัพย์พิพาทให้โจทก์ได้เพราะเป็นการเกินคำขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒
ที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์กับภริยาไม่มีการหย่าขาดจากกัน แต่เป็นการเลิกร้างกัน เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่ตรงกับข้อต่อสู้ของจำเลย เห็นว่า ตามคำให้การของจำเลยว่าโจทก์จำเลยได้แยกกัน และหย่าร้างขาดจากสามีภริยากัน ถือได้ว่าโจทก์กับภริยาทิ้งร้างกัน ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตามประเด็นไม่เป็นการนอกประเด็น และรูปคดีฟังได้ว่าโจทก์ได้ทิ้งร้างนางพยอมภริยาไปดังที่จำเลยต่อสู้ และเห็นว่า ทรัพย์พิพาทนางพยอมทำมาหาได้แต่ฝ่ายเดียว เมื่อโจทก์กับภริยาเป็นสามีภรรยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ความสัมพันธ์ในครอบครัวระหว่างโจทก์กับภริยาจึงอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายลักษณะผัวเมีย ทรัพย์สินที่สามีหรือภริยาได้มาในระหว่างทิ้งร้างกันไม่เป็นสินสมรสโจทก์ไม่มีสิทธิจะขอแบ่ง ฎีกาข้ออื่นไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share