คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1206/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เจ้าของหอพักที่ผู้เยาว์เช่าอยู่ ถือไม่ได้ว่าเป็นบุคคลผู้รับดูแลผู้เยาว์ไว้ตามความหมายในมาตรา 430 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพราะเจ้าของหอพักมีหน้าที่เพียงดำเนินการกิจการหอพักและควบคุมการเข้าพักในหอพักเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์อายุ 18 ปีอยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ นายจ้างและผู้รับอุปการะดูแลจำเลยที่ 1 อยู่เป็นนิตย์ นอกจากนี้จำเลยที่ 2ยังเป็นเจ้าของรถยนต์ส่วนบุคคล หมายเลขทะเบียน ม-0149 สุโขทัยและเป็นตัวการใช้ให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างและตัวแทนขับรถยนต์คันดังกล่าวไปในทางการที่ว่าจ้าง จำเลยที่ 3 และที่ 4 เป็นบิดามารดาของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทชนกับรถจักรยานยนต์ที่โจทก์ขับมา ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขาซ้ายขาดเหนือเข่า หน้ามีบาดแผลเสียโฉมติดตัวนิ้วก้อยมือซ้ายขาด ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าอุปกรณ์ขาเทียม และค่าสินไหมทดแทน พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้อยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นครูบาอาจารย์ ผู้อุปการะนายจ้าง และผู้จ้างวานใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันเกิดเหตุขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย นอกจากนี้ให้ยก โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาขึ้นสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาเพียงว่า จำเลยที่ 2 เป็นบุคคลซึ่งรับดูแลจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 430 หรือไม่เท่านั้น ไม่มีประเด็นเรื่องตัวการผู้ใช้ให้กระทำ ลูกจ้างนายจ้าง ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันฟังได้ว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์อายุ 18 ปี กำลังศึกษาอยู่ในวิทยาลัยเทคนิคสุโขทัยและเช่าหอพักของจำเลยที่ 2 อยู่ จำเลยที่ 2 เคยใช้ให้จำเลยที่ 1ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ไปทำธุระให้ วันเกิดเหตุจำเลยที่ 2ใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 นำแป๊ปน้ำไปซ่อมที่ร้านในตลาดอำเภอเมืองสุโขทัย โดยจำเลยที่ 2 มิได้ควบคุมมาด้วยระหว่างรอซ่อมแป๊ปน้ำจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์เลยไปบ้านเพื่อนขณะขับรถกลับจากบ้านเพื่อน รถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับได้เกิดชนกับรถจักรยานยนต์ที่โจทก์ขับสวนมา ทำให้โจทก์เสียหายรับอันตรายสาหัสขาซ้ายขาดเหนือเข่า หน้าเสียโฉมติดตัว นิ้วก้อยมือซ้ายขาดเหตุเกิดเพราะความประมาทของจำเลยที่ 1 ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 2 เป็นเพียงเจ้าของหอพักที่จำเลยที่ 1เช่าอยู่ และเป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันเกิดเหตุไปเพื่อกิจธุระของตนเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นบุคคลผู้รับดูแลจำเลยที่ 1 ไว้ตามความหมายในมาตรา 430 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพราะเจ้าของหอพักมีหน้าที่เพียงดำเนินการกิจการหอพักและควบคุมการเข้าพักในหอพักเท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับดูแลจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 430 และพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share