คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยตกลงกันว่าในช่วงระยะเวลา 15 วัน โจทก์ทำงานให้จำเลย 8 วัน หยุด 7 วัน จำเลยจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ 8 วันเท่ากับวันทำงานจริง โดยจ่ายให้ทุกวันที่ 5 และ 20 ของเดือน ต่อมาวันที่ 20 กันยายน 2528 จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้า จำเลยจึงต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์ให้ครบจำนวนที่จะต้องจ่ายไปจนถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวถัดไปคือในวันที่ 5 ตุลาคม 2528 แต่ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวจำเลยจ่ายค่าจ้างโดยแท้จริงให้โจทก์เท่าที่ทำงานเพียง 8 วัน มิได้จ่ายให้คราวละ 15 วัน การที่จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์คนละ 8 วันเมื่อเลิกจ้างจึงเป็นการจ่ายสินจ้างในช่วงเวลาคราวถัดไปหนึ่งช่วงตามที่ตกลงกันแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าอีก 7 วันจากจำเลย

ย่อยาว

เดิมโจทก์ ๕๗ คนฟ้องว่าโจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย ทำงานสัปดาห์ละ ๖ วัน หยุด ๑ วัน จ่ายค่าจ้างทุกวันที่ ๕ และวันที่ ๒๐ ของเดือน ต่อมาจำเลยเลิกจ้างโจทก์แล้วจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์เพียง ๘ วัน ค้างจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์คนละ ๗ วัน ขอให้จำเลยจ่ายเงินค้างจ่ายดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่าโจทก์ที่ ๗ ที่ ๙ ที่ ๑๐ ที่ ๑๓ และที่ ๓๗ มิได้เป็นลูกจ้างจำเลย ไม่มีสิทธิฟ้อง ส่วนโจทก์อีก ๕๑ คนเคยตกลงกับจำเลยว่าในช่วงระยะเวลา ๑๕ วัน โจทก์ทำงานให้จำเลย ๘ วันหยุด ๗ วัน จำเลยจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ ๘ วันเท่ากับที่ทำงาน ถือเอาระยะเวลาที่น้ำขึ้นเป็นช่วงระยะเวลาทำงาน เนื่องจากระยะเวลาน้ำลงขุดแร่ไม่ได้ จำเลยเลิกจ้างโจทก์และได้จ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์แล้ว ๘ วัน เป็นไปตามข้อตกลงแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าอีก ๗ วัน ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาโจทก์ที่ ๗ ที่ ๙ ที่ ๑๐ ที่ ๑๓ และที่ ๓๗ ขอถอนฟ้อง ศาลอนุญาต
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทุกคนยกเว้นโจทก์ที่ ๗ ที่ ๙ ที่ ๑๐ ที่ ๑๓ และที่ ๓๗อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยตกลงกันว่าในช่วงระยะเวลา ๑๕ วันโจทก์ทำงานให้จำเลย ๘ วันหยุด ๗ วัน จำเลยจ่ายค่าจ้างโจทก์เพียง ๘ วันเท่ากับวันทำงานจริงอีก ๗ วันไม่ได้จ่ายเพราะมิได้ทำงาน การจ่ายค่าจ้างนั้น จ่ายทุกวันที่ ๕ และ ๒๐ ของเดือน ในวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๒๘ จำเลยเลิกจ้างโจทก์และจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้ ๗ วันแก่โจทก์ทุกคนแล้ว ปัญหาต้องวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิได้สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าอีกคนละ ๗ วัน หรือไม่เห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๘๒ การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๒๘ โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า จำเลยจึงต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์ให้ครบจำนวนที่จะต้องจ่ายไปพอถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวถัดไปคือในวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๒๘ ในช่วงระยะเวลา ๑๕ วันตามที่ตกลงกัน แต่ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว จำเลยจ่ายค่าจ้างโดยแท้จริงให้โจทก์เท่าที่ทำงาน ๘ วันเท่านั้น หาได้จ่ายให้คราวละ ๑๕ วันแต่อย่างใดไม่ การที่จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่โจทก์ทุกคน คนละ ๘ วันเมื่อเลิกจ้างเป็นจำนวนเท่ากับค่าจ้างที่โจทก์แต่ละคนได้รับในระยะเวลา ๑๕ วัน จึงเป็นการจ่ายสินจ้างในช่วงระยะเวลาคราวถัดไปหนึ่งช่วงตามข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งมีผลบังคับได้
พิพากษายืน.

Share