คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1189/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะมีพวกน้อยกว่า แต่จำเลยกับพวกมีทั้งอาวุธปืนและอาวุธมีด น่าจะเป็นเหตุให้จำเลยกับพวกไม่ได้เกรงกลัวโจทก์ร่วมกับผู้เสียหาย การทะเลาะวิวาทระหว่างทั้งสองฝ่ายจึงเป็นการสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน อันเป็นเหตุให้จำเลยไม่อาจอ้างเรื่องป้องกันตัวมาเป็นข้อต่อสู้ได้ แม้ว่าในระหว่างการวิวาทกันนั้นจำเลยอาจเพลี่ยงพล้ำไปบ้างก็ตาม และกรณีที่โจทก์ร่วมกับผู้เสียหายฝ่ายหนึ่ง และจำเลยกับพวกอีกฝ่ายหนึ่งได้เกิดวิวาททำร้ายกัน และจำเลยใช้อาวุธปืนพกที่ติดตัวไปยิงโจทก์ร่วมกับพวกและใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทงโจทก์ร่วมและผู้เสียหายเช่นนี้เป็นคนละกรณีกับเรื่องชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปเพราะกรณีดังกล่าวจะต้องเป็นกรณีที่ไม่อาจทราบได้ว่าผู้ใดร่วมกับใครทำร้ายโจทก์ร่วมและการที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงโจทก์ร่วมกับพวก กระสุนปืนถูกโจทก์ร่วมและพลาดไปถูกผู้อื่นถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 60, 80, 83, 91,288, 371, 376 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ,72, 72 ทวิ ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานางสำเภา หาญสมัย ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม จำคุก 8 เดือน ฐานพาอาวุธปืนและมีดปลายแหลมไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสองและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 แต่เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษบทหนักตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง จำคุก 6 เดือนและมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80จำคุก 12 ปี 14 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับความผิดฐานพกพาอาวุธมีดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 แต่คงลงโทษจำคุกจำเลย12 ปี 14 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78เป็นจำคุก 8 ปี 9 เดือน 10 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ร่วมกับผู้เสียหายฝ่ายหนึ่งและจำเลยกับพวกอีกฝ่ายหนึ่งได้เกิดวิวาททำร้ายกัน ในการวิวาทดังกล่าวจำเลยใช้อาวุธปืนพกที่ติดตัวไปยิงโจทก์ร่วมกับพวกและใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทงทำให้โจทก์ร่วมและผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย และกระสุนปืนพลาดไปถูกนายกิเห่าได้รับอันตรายแก่กาย ที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการต่อสู้ป้องกันตัวนั้น เห็นว่า เมื่อจำเลยกับพวกมีทั้งอาวุธปืนและอาวุธมีดแม้จำเลยจะมีพวกน้อยกว่าก็น่าจะเป็นเหตุให้จำเลยกับพวกไม่ได้เกรงกลัวโจทก์ร่วมกับผู้เสียหาย การทะเลาะวิวาทระหว่างทั้งสองฝ่ายจึงเป็นการสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน อันเป็นเหตุให้จำเลยไม่อาจอ้างเรื่องป้องกันตัวมาเป็นข้อต่อสู้ได้ แม้ว่าในระหว่างวิวาทกันนั้นจำเลยอาจเพลี่ยงพล้ำไปบ้างก็ตามและเป็นคนละกรณีกับเรื่องชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นดังที่จำเลยอ้างมาในฎีกา เพราะกรณีดังกล่าวจะต้องเป็นกรณีที่ไม่อาจทราบได้ว่าผู้ใดหรือผู้ใดร่วมกับใครทำร้ายโจทก์ร่วม เมื่อจำเลยไม่อาจยกเรื่องต่อสู้ป้องกันตัวได้ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงโจทก์ร่วมกับพวก กระสุนปืนถูกโจทก์ร่วมและพลาดไปถูกผู้อื่นถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า แต่อย่างไรก็ดีโดยพฤติการณ์ของการกระทำและจำเลยเป็นหญิงอายุมากแล้ว โทษจำคุกในความผิดฐานพยายามฆ่าที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดนั้น ศาลฎีกาเห็นว่ายังสูงเกินไป สมควรลงโทษขั้นต่ำตามกฎหมาย
พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นให้ลงโทษจำคุก 10 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78ให้จำคุก 6 ปี 8 เดือน เมื่อรวมกับโทษจำคุก 9 เดือน 10 วันในความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แล้วเป็นจำคุก 7 ปี 5 เดือน 10 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share