คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1189/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่โจทก์ฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยบุกรุก ขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุก และให้จำเลยออกไปจากที่พิพาทตลอดจนชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์นั้น เมื่อคำพิพากษาส่วนอาญาศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้เป็นที่ยุติแล้วว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ ดังนี้ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลฎีกาจำต้องถือตาม จะฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 1172/2513)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า สวน ๑ แปลง เนื้อที่ ๑ ไร่ ส.ค. ๑ เลขที่ ๒๑ อยู่ที่บ้านส่อง ตำบลดอน อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา เป็นของโจทก์ ต่อมาปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ ยึดถือ ส.ค. ๑ ไว้ โจทก์ไม่ทราบว่าได้มาอย่างไร โจทก์มิได้ขายที่ดังกล่าวแก่จำเลยที่ ๑ เมื่อวันใดไม่ปรากฏระหว่างวันที่ ๑๐ ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๑๘ เวลากลางวัน จำเลยที่ ๒ บุกรุกเข้าไปปลูกพริก มะเขือ ข้าวโพด และแตงกวา เป็นเนื้อที่ประมาณ ๒ งาน โดยจำเลยที่ ๑ ใช้ให้ทำเพื่อถือการครอบครองเป็นเจ้าของ เป็นการรบกวนการครอบครองของโจทก์โดยปกติสุข ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒, ๘๓ ให้จำเลยทั้งสองออกไปจากที่พิพาท คืน ส.ค. ๑ ให้โจทก์ และร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ ๑ โดยซื้อจากโจทก์ราคา ๒๐,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ ครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทตลอดมา จนถึง พ.ศ. ๒๕๑๘ ได้ให้จำเลยที่ ๒ เข้าทำประโยชน์แทน
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ ๒ ตาย คดีอาญาสำหรับจำเลยที่ ๒ จึงระงับไป สำหรับคดีแพ่ง ไม่มีผู้ใดเข้ามาเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าโจทก์ขายที่พิพาทให้จำเลยที่ ๑ แล้วที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ปัญหาที่โจทก์ยกขึ้นอุทธรณ์ในคดีอาญาเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ จึงไม่ต้องวินิจฉัย สำหรับคดีแพ่ง พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาเฉพาะคดีแพ่งว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ตาปมระมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๖ เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ซึ่งศาลชั้นต้นวินิจฉัยได้เป็นยุติแล้วว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ ศาลฎีกาก็จำต้องถือตามจะฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นหาได้ไม่
พิพากษายืน

Share