คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8805/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 5 ใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์ 1,500 บาท แทนโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 5 ฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกคำร้องของโจทก์ จำเลยที่ 5 จึงต้องนำเงินค่าทนายความตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมอย่างหนึ่งที่จะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายมาวางศาลพร้อมกับฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 ประกอบมาตรา 247 เมื่อจำเลยที่ 5 ไม่นำเงินค่าทนายความมาวางศาลพร้อมฎีกา แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 5 ก็ถือว่าเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามบทบัญญัติดังกล่าว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2545 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 110214 ตำบลบางจาก อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร ตกเป็นทางจำเป็นของที่ดินโฉนดเลขที่ 146361 ตำบลบางจาก อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร ของโจทก์ โดยไม่ต้องเสียค่าทดแทน ให้จำเลยที่ 5 รื้อถอนประตูที่ปิดทางเข้าออก ศาลาพักร้อน และสิ่งปลูกสร้างที่กีดขวางทางเข้าออกของโจทก์ออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 110214 ให้จำเลยที่ 5 ชำระเงิน 19,900 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 31 มกราคม 2540) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 คู่ความไม่อุทธรณ์ คำพิพากษาเป็นที่สุด
ต่อมาวันที่ 19 เมษายน 2555 โจทก์ยื่นคำร้องว่า ภายหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีรื้อถอนประตู ศาลาพักร้อน และสิ่งปลูกสร้างที่กีดขวางทางเข้าออกของโจทก์เสร็จสิ้นในวันที่ 16 พฤษภาคม 2549 แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2554 จำเลยที่ 5 นำทรายมาถมในทางจำเป็นเพื่อไม่ให้โจทก์ใช้เป็นทางเข้าออก ซึ่งศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้จำเลยที่ 5 นำทรายออกจากทางจำเป็น หากไม่ปฏิบัติ ให้โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษา แต่จำเลยที่ 5 เพิกเฉย ต่อมาเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้ดำเนินการบังคับคดีตามคำสั่งศาล แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งว่าไม่อาจดำเนินการได้เนื่องจากโจทก์ร้องขอให้บังคับคดีเกินกว่า 10 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา วันที่ 17 มีนาคม 2557 โจทก์ยื่นคำร้องว่า ขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อให้ดำเนินการบังคับตามคำพิพากษาต่อไป
จำเลยที่ 5 ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี ให้โจทก์บังคับคดีได้ตามกฎหมาย
จำเลยที่ 5 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นให้เป็นพับ ให้จำเลยที่ 5 ใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์ 1,500 บาท แทนโจทก์
จำเลยที่ 5 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 5 ใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์ 1,500 บาท แทนโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 5 ฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกคำร้องของโจทก์ จำเลยที่ 5 จึงต้องนำเงินค่าทนายความตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมอย่างหนึ่งที่จะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายมาวางศาลพร้อมกับฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ประกอบมาตรา 247 เมื่อจำเลยที่ 5 ไม่นำเงินค่าทนายความดังกล่าวมาวางศาลพร้อมฎีกา แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 5 ก็ถือว่าเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ 5 คืนค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาให้จำเลยที่ 5 ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกานอกจากนี้ให้เป็นพับ

Share