แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ บรรยายฟ้องว่า ไม้เหียงเป็นไม้หวงห้าม พงศ. 2494 โดยไม่ได้บรรยายว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2494 ได้ประกาศตามความใน มาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ดังนี้ ก็ถือว่า เป็นฟ้องสมบูรณ์ลงโทษจำเลยได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2502)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยได้จ้างวานผู้อื่นตัดฟันไม้สักและไม้เหียง ซึ่งเป็นไม้หวงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกา กำหนดไม้หวงห้า พ.ศ. ๒๔๙๔ เพื่อส่งแก่จำเลยโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานและจำเลยได้มีไม้ดังกล่าวไว้ในความคอรบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. ป่าไม้
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๒ – ๓ มีความผิดตามฟ้องให้จำคุกจำเลยที่ ๒, ๔๐ วัน ปรับ ๓๐๐ บาท จำเลยที่ ๓ จำคุก ๒๐ วัน ปรับ ๒๐๐ บาท ของกลางริบ ยกฟ้องจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๒ – ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ ๒ – ๓มีผิดเฉพาะไม้สัก พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยคนละ ๒๐ วันปรับคนละ ๒๐๐ บาท ไม้ของกลางริบเฉพาะไม้สัก ส่วนข้อหาเกี่ยวกับไม้เหียงให้ยกเสียง นอกนั้นยืนตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยมีประชุมใหญ่ว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า ไม้เหียงเป็นไม้หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. ๒๔๙๔ แม้จะไม่ได้บรรยายว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. ๒๔๙๔ ได้ประกาศตามความใน มาตราแห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ ก็มีผลบังคับแก่จำเลยโดยบริบูรณ์ ลงโทษจำเลยได้ เพราะความในมาตรา ๕ เป็นแต่บทบัญญัติในการประกาศพระราชกฤษฎีกา ไม่ใช่องค์ความผิด และฟังข้อเท็จจริง ว่า จำเลยมีผิดตาม ศาลชั้นต้นพิพากษากลับให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น