แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินสองแปลงโดยระบุว่าจำเลยเป็นผู้อาศัยจำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงหนึ่งส่วนอีกแปลงหนึ่งมิได้ต่อสู้กรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงที่จำเลยมิได้ต่อสู้กรรมสิทธิ์นี้เมื่อคำนวณค่าเช่าที่ดินบริเวณใกล้เคียงก็ดีหรือค่าตอบแทนที่จำเลยได้รับจากที่ดินแปลงนี้ก็ดีอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ5,000บาทแล้วเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ย่อมต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง. โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและบ้านเลขที่6ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินนั้นของโจทก์เมื่อปรากฏว่าจำเลยต่อเติมบ้านดังกล่าว1ห้องนอนเป็นการต่อเติมอย่างถาวรแม้จำเลยจะไปขอเลขบ้านใหม่เป็นบ้านเลขที่6/2ส่วนที่ต่อเติมนี้ย่อมเป็นส่วนควบกับบ้านหลังเดิมและที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากบ้านเลขที่6/2ได้ไม่เกินคำขอ.
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น เจ้าของ ที่ดิน โฉนด ที่ 3869 และ เป็นเจ้าของ ร่วม กับ ผู้ อื่น ใน ที่ดิน โฉนด ที่ 3868 ตำบล หมอนทองอำเภอ บางน้ำเปรี้ยว จังหวัด ฉะเชิงเทรา และ เป็น เจ้าของ บ้าน เลขที่6 ซึ่ง ปลูก อยู่ใน ที่ดิน โฉนด ที่ 3868 ดังกล่าว โจทก์ ให้ จำเลยซึ่ง เป็น บุตร อาศัย ใน บ้าน และ ที่ดิน ทั้ง สอง แปลง เมื่อ วันที่14 มิถุนายน 2522 โจทก์ นำ เจ้าพนักงาน รังวัด แบ่งแยก ที่ดิน ดังกล่าวจำเลย ขัดขวาง และ ไม่ เคารพ โจทก์ ขอ ให้ ขับไล่ จำเลย ออก จาก บ้านและ ที่ดิน ดังกล่าว และ ห้าม จำเลย เกี่ยวข้อง
จำเลย ให้การ ว่า ที่ดิน แปลง โฉนด ที่ 3869 เนื้อที่ 59 ไร่ โจทก์ซื้อ มา ราคา 333 บาท จำเลย ช่วย ออก ให้ 170 บาท โจทก์ แบ่ง ที่ดินให้ จำเลย 30 ไร่ จำเลย ครอบครอง อย่าง เป็น เจ้าของ ติดต่อ กัน มา20 ปี ส่วน ของ โจทก์ 29 ไร่ โจทก์ ให้ จำเลย เช่า ทำนา ส่วน ที่ดินแปลง โฉนด ที่ 3868 โจทก์ กับ โจทก์ร่วม ซื้อ มา จาก ผู้อื่น จำเลยออก เงิน ทดรอง ให้ 12,000 บาท โจทก์ และ โจทก์ร่วม มอบ ที่ดิน ให้จำเลย ทำ ประโยชน์ ตลอดมา โจทก์ จะ เอา คืน ต้อง ชำระ เงิน ให้ จำเลยก่อน ส่วน บ้าน เลขที่ 6 จำเลย ไม่ ได้ ไป อยู่ อาศัย ขอให้ ยกฟ้อง
ก่อน สืบพยาน นางสาว พยูร บุญน่วม ขอ เข้า เป็น โจทก์ร่วม ศาล อนุญาต
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ขับไล่ จำเลย และ บริวาร ออก จากที่ดิน โฉนด เลขที่ 3868, 3869 และ ออก จาก บ้าน เลขที่ 6 และ 6/2หมู่ 2 ตำบล หมอนทอง อำเภอ บางน้ำเปรี้ยว จังหวัด ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็น บ้าน หลัง เดียวงกัน และ ห้าม จำเลย เกี่ยวข้อง
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ยืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ปัญหา ข้อกฎหมาย ว่า ที่ จำเลย ฎีกา ว่า จำเลยช่วย ออก เงิน ทดรอง ให้ โจทก์ ซื้อ ที่ดิน โฉนด ที่ 3868 นั้น เห็น ว่าที่ดิน แปลง ดังกล่าว เป็น ที่นา เนื้อที่ 35 ไร่ 2 งาน 18 ตารางวาเมื่อ คำนวณ อัตรา ค่า เช่า ไม่ ว่า จะ โดย คิด เทียบ เคียง จาก ค่าเช่าที่ดิน โฉนด เลขที่ 3869 ซึ่ง อยู่ ตำบล เดียวกัน ตาม คำ ให้การ จำเลยว่า ค่า เช่า คิด เป็น ข้าวเปลือก ไร่ ละ 5 ถัง ต่อปี หรือ คิด เทียบเคียง จาก อัตรา ค่า ตอบแทน ตาม ที่ จำเลย ให้การ ต่อสู้ ว่า ทำกินใน ที่ดิน แปลง นี้ เป็น การ ชดเชย เงิน 12,000 บาท ที่ จำเลย ออกทดรอง ก็ เป็น ที่ เห็น ได้ เป็น การ แน่นอน ว่า ที่ดิน โฉนด เลขที่3868 อาจ ให้ เช่า ได้ ไม่ เกิน เดือนละ 5,000 บาท โจทก์ ฟ้อง ขับไล่จำเลย มิได้ กล่าว แก้ เป็น ข้อพิพาท ด้วย กรรมสิทธิ์ ใน ที่ดินแปลง นี้ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ยืน ตาม ศาลชั้นต้น คดี เกี่ยวกับ ที่ดินแปลง นี้ จึง ต้องห้าม ฎีกา ใน ปัญหา ข้อเท็จจริง เมื่อ จำเลย ฎีกาใน ปัญหา ข้อเท็จจริง ศาลฎีกา จึง ไม่ รับ วินิจฉัย ส่วน ปัญหา ที่ ว่าโจทก์ ฟ้อง ขับไล่ จำเลย ออก จาก บ้าน เลขที่ 6 แต่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาขับไล่ จำเลย ออก จาก บ้าน เลขที่ 6/2 เป็น การ พิพากษา เกิน คำขอหรือ ไม่ นั้น ศาลชั้นต้น และ ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัย ว่า จำเลย ได้ต่อเติม บ้าน เลขที่ 6 ของ โจทก์ มี ห้องนอน 1 ห้อง แล้ว จำเลย ขอ เลขบ้าน ใหม่ เป็น บ้าน เลขที่ 6/2 การ ต่อเติม เป็น การ ต่อเติม อย่างถาวร จะ ให้ เป็น ส่วนควบ กับ บ้าน หลัง เดิม คือ บ้าน เลขที่ 6ประกอบ กับ ส่วน ที่ ต่อเติม นี้ อยู่ ใน ที่ดิน โฉนด ที่ 3868 ของโจทก์ จึง เป็น ส่วนควบ กับ บ้าน หลัง เดิม และ ที่ดิน ตก เป็นกรรมสิทธิ์ ของ โจทก์ เมื่อ บ้าน เลขที่ 6/2 เป็น ส่วนควบ ตก เป็นกรรมสิทธิ์ ของ โจทก์ แล้ว ที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา จึง ไม่ เกิน คำขอพิพากษา ยืน