แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับบริวารทำให้เกิดเพลิงไหม้เสียหายแก่โจทก์แล้วจำเลยทำสัญญายอมใช้ค่าเสียหายเสร็จสิ้นภายใน 2 ปี ต่อมาจำเลยปฏิเสธไม่ใช้เงินให้แก่โจทก์โดยเจตนาจะฉ้อโกง
จำเลยให้การปฏิเสธไม่ยอมใช้เงินอ้างว่าเพราะถูกโจทก์หลอกลวงให้ลงชื่อและฟ้องแย้งขอให้ทำลายเอกสารอีกด้วย เช่นนี้ถือว่าคดีมีประเด็นตามฟ้องและคำให้การของจำเลยว่าจำเลยได้ถูกหลอกลวงให้ลงชื่อในเอกสารตามที่จำเลยต่อสู้จริงหรือไม่และตามฟ้องและคำให้การของจำเลยเห็นได้ว่าจำเลยได้ยอมสละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาตาม ป.พ.พ.ม.154 วรรค 2 แล้ว คดีจึงไม่มีประเด็นจะวินิจฉัยในเรื่องกำหนดเงื่อนเวลาแต่อย่างใด
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องขอให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาที่จำเลยทำให้ไว้แก่โจทก์ที่ ๑ เป็นเงิน ๕,๐๐๐ บาท โจทก์ที่ ๒ ๔,๘๐๐ บาท โจทก์ที่ ๓,๕๔๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี จากวันฟ้องและห้ามจำเลยโอนขาย จำนองขายฝากหรือทำภาระหนี้สินเพิ่มจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยแก้ว่าจำเลยไม่ใช่เป็นผู้ทำให้เกิดเพลิงไหม้ ทั้งเอกสารที่โจทก์อ้างจำเลยถูกหลอกลวงให้ลงชื่อว่าเป็นคำร้องขอแจกเสื้อผ้าที่อำเภอจึงฟ้องแย้งขอให้ทำลายเอกสารที่โจทก์อ้างลงวันที่๑๖ เม.ย.๙๗ ด้วย
โจทก์แก้ฟ้องแย้งจำเลยว่าเป็นความเท็จไม่มีความจริง ๆ เป็นดังโจทก์ฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าเพลิงมิได้เกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลย ๆ มิได้จงใจหรือประมาท โจทก์จำเลยไม่มีมูลหนี้ผูกพันกันสัญญาที่โจทก์อ้างไม่ผูกพันจำเลย จึงไม่ต้องพิจารณา และฟังว่าโจทก์ ที่ ๒ ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ที่ถูกเพลิงไหม้ โจทก์ทั้งสามไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายพิพากษายกฟ้อง ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยไม่จำเป็นต้องสั่งทำลาย
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าหนี้ตามสัญญาที่โจทก์อ้างมีกำหนดเวลาชำระภายใน ๒ ปี โจทก์มีคำขอให้จำเลยชำระหนี้ก่อนถึงกำหนดเวลาตามสัญญาโดยอ้างเหตุว่าจำเลยไม่ใช้หนี้และพยายามยักย้ายทรัพย์ทั้งเพทุบายทำภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น เหตุที่อ้างไม่เข้าเกณฑ์ตาม ป.พ.พ.ม.๑๕๕ ฟ้องโจทก์ไม่มีเหตุที่จะก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระก่อนถึงกำหนดตามสัญญาได้ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงและข้อ ก.ม.อื่น ๆ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา เห็นว่าเรื่องนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับบริวารทำให้เกิดเพลิงไหม้เสียหายแก่โจทก์แล้วจำเลยได้ตกลงยินยอมทำสัญญารับใช้เงินให้แก่โจทก์ ต่อมาจำเลยปฏิเสธไม่ยอมใช้เงินให้โจทก์อ้างว่าทรัพย์สมบัติของจำเลยก็ถูกเพลิงไหม้ไม่ยอมรับผิดใช้เงิน โดยเจตนาจะฉ้อโกงโจทก์ ตามฟ้องดังกล่าวพอแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยยอมสละเงื่อนเวลาหรือไม่ถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาตาม ป.พ.พ.ม.๑๕๔ วรรค ๒ แล้ว ชั้นพิจารณาจำเลยก็ยังให้การปฏิเสธอย่างที่โจทก์กล่าวในฟ้อง กล่าวคือปฏิเสธไม่ยอมใช้เงิน อ้างว่าเพราะถูกโจทก์หลอกลวงให้ลงชื่อดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น จำเลยยังได้ฟ้องแย้งขอให้ทำลายเอกสารอีกด้วย โดยจำเลยมิได้ยกปัญหาเรื่องกำหนดเวลาขึ้นต่อสู้แต่อย่างใดเลย คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะวินิจฉัยเรื่องกำหนดเวลาอย่างที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้น แต่คดีมีประเด็นตามฟ้องและคำให้การต่อสู้ของจำเลยว่าจำเลยได้ถูกหลอกลวงให้ลงชื่อในเอกสารตามที่จำเลยต่อสู้จริงหรือไม่ ประเด็นโดยตรงนี้ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัย จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพื่อพิพากษาใหม่ตามประเด็นของคดี ค่าฤชาธรรมเนียมให้รวมสั่งในชั้นพิพากษาใหม่