แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยฐานละเมิดแต่ตามฟ้องคงกล่าวแต่เพียงว่า โจทก์ได้รับซื้อตึกและที่ดินจากเจ้าของไว้และโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยไปทำสัญญากับโจทก์ จำเลยก็้ฉยเสีย โจทก์ได้แจ้งว่า โจทก์ได้รับโอนดตึกพร้อมทั้งที่ดินรายนี้ ให้จำเลยทราบอีกครั้งหนึ่ง จำเลยก็ยังเฉยอยู่อีก ดังนี้
ตามฟ้องไม่มีข้อความอันใดที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เลยจึงยังถือไม่ได้ว่า ได้แสดงโดยแจ้งชัด ซึ่งสภาพแห่งข้อหาในมูลละเมิดอันจะเป็นเหตุเรียกร้องค่าเสียหายเอาจากจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับซื้อตึกเลขที่ ๕๓ จากนายมานิตย์ ภาคยวงศ์ พร้อมทั้งที่ดินเฉพาะส่วน ต่อมาโจทก์ได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยไปทำสัยญาเช่ากับโจทก์เสียให้ถูกต้อง จำเลยก็เฉยเสีย จึงขอให้บังคับจำเลยเสียสค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ ๖๐๐ บาท ฯลฯ
จำเลยต่อสู้ว่า ฝ่ายจำเลยได้ซื้อตึกพิพาทแล้วเหมือนกัน
ศาลแพ่งพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์, ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยเสียค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาคดีแล้ว เห็นว่า คดีนี้โจทก์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยฐานละเมิด แต่ตามฟ้องคงกล่าวความแต่เพียงว่า โจทก์ได้รับซื้อตึกพร้อมทั้งที่ดินไว้จากผู้มีชื่อ และโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยไปทำสัญญาเช่ากับโจทก์จำเลยก็เฉยเสีย โจทก์จึงแจ้งการที่โจทก์ได้รับโอนตึกพร้อมทั้งที่ดินรายนี้ให้จำเลยทราบอีกครั้งหนึ่ง จำเลยก็ยังเฉยอยู่อีก ตามฟ้องไม่มีข้อความอันใดที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เลย ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงยังถือไม่ได้ว่า ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาในมูลละเมิด อันจะเป็นเหตุให้เรียกร้องค่าเสียหายเอาจากจำเลยได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยข้ออื่นต่อไป
จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง