คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องกล่าวเป็นใจความว่า จำเลยไม่มีอำนาจอันชอบด้วยกฎหมายที่จะเก็บสิ่งของในตึก ซึ่งโจทก์ได้ให้ผู้อื่นเช่าเป็นการรบกวนผู้เช่าจะใช้ประโยชน์ในที่เช่า ขอให้บังคับให้จำเลยขนย้ายไป จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยเป็นผู้เช่าอยู่อาศัยในตึกนี้มาราว 20 ปีเศษแล้ว ดังนี้ เห็นได้ว่าโจทก์ฟ้องอ้างเหตุเพียงว่าจำเลยเอาของไว้ในตึกเป็นการละเมิดเท่านั้น มิได้แสดงถึงการเช่าของจำเลย ฉะนั้นโจทก์จะสืบถึงว่าแม้จะมีการเช่า จำเลยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ย่อมเป็นเรื่องห่างไกลประเด็นที่กล่าวในฟ้อง ศาลย่อมไม่รับฟัง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องกล่าวว่า สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เป็นเจ้าของกรรมสิทธิตึกแถวห้องพิพาท ได้มอบอำนาจให้หม่อมเจ้าหญิงอัจฉวี ได้ทำสัญญาให้นายปีอาราซิงห์เช่าตึกแถวพิพาทมีกำหนด ๑ ปี ปรากฎว่าในตึกเช่ามีสิ่งของบางอย่างของจำเลยทิ้งไว้ โดยจำเลยไม่มีอำนาจอันชอบด้วยกฎหมายที่จะเก็นสิ่งของดังกล่าวไว้ได้ เป็นการเสียหายแก่โจทก์ จึงขอให้จำเลยขนย้ายสิ่งของดังกล่าวออกจากห้องพิพาท และใช้ค่าเสียหาย ฯลฯ
จำเลยให้การว่า จำเลยเช่าตึกพิพาทมา ๒๐ ปีเศษแล้ว ฯลฯ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยยังมีสิทธิเช่าตึกพิพาทอยู่ จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องของโจทก์กล่าวได้ใจความว่า จำเลยไม่มีอำนาจชอบด้วยกฎหมายที่จะเก็บสิ่งของในตึกของสมเด็จ ฯ ซึ่งได้ให้นายปีอาราซิงห์เช่า เป็นการรบกวนผู้เช่าจะใข้ประโยชน์ในที่เช่า ขอให้บังคับจำเลยขนย้ายออกไป และจำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยเป็นผู้เช่าอยู่อาศัยในตึกนี้ราว ๒๐ ปีเศษแล้ว ดังนี้เห็นได้ว่า โจทก์ฟ้องอ้างเหตุเพียงว่า จำเลยเอาของไว้ในตึก เป็นการละเมิดเท่านั้น มิได้แสดงถึงการเช่าของจำเลยอันเป็นสภาพของเรื่อง โจทก์อ้างแต่เรื่องละเมิดเป็นหลักในคำฟ้อง ฉะนั้นโจทก์จะสืบถึงว่า แม้จะมีการเช่า จำเลยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ย่อมเป็นเรื่องห่างไกลประเด็นที่กล่าวในฟ้อง ศาลล่างไม่รับฟังชอบด้วยทางพิจารณาแล้ว
จึงพิพากษายืน

Share