คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2221/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยแพ้คดีแพ่งในชั้นอุทธรณ์ จึงฎีกาและร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา ศาลมีคำสั่งให้หาหลักประกันในราคา 8 ล้านบาท ถ้าศาลพอใจหลักทรัพย์ก็ให้ทุเลาการบังคับ จำเลยเสนอหลักทรัพย์โดยตีราคามาให้พอแก่ราคาหลักประกันที่ศาลต้องการ แต่หลักทรัพย์นั้นมีใบหุ้นของบริษัทร้างซึ่งจำเลยรู้ดีว่าไม่มีมูลค่าแล้ว และมีโฉนดที่ดินซึ่งจำเลยตีราคามาสูงเกินความจริงไปมากทำให้ศาลหลงเชื่อรับไว้เป็นหลักประกัน และอนุญาตให้ทุเลาการบังคับ ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ในคดีแพ่งนั้นได้รับความเสียหายจากการกระทำผิดของจำเลยฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137จึงเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจฟ้องคดีอาญาในความผิดดังกล่าวนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๑/๒๕๐๙ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยกับพวกร่วมกันใช้ค่าเสียหาย ๑,๒๐๒,๐๐๐ บาทแก่โจทก์และห้ามขุดแร่ในที่ดินประทานบัตรพิพาท จำเลยกับพวกฎีกา และร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำเลยหาหลักประกันในราคาแปดล้านบาท โดยให้ศาลชั้นต้นเป็นผู้พิจารณาหลักทรัพย์ ถ้าเป็นที่พอใจของศาลชั้นต้น ก็ให้ทุเลาการบังคับได้จำเลยได้นำหลักทรัพย์ต่าง ๆซึ่งตีราคามา ๘ ล้านบาทเศษ มาวางศาลรวมทั้งใบหุ้นบริษัทไทยกสิกรอุตสาหกรรม จำกัด ๑,๒๒๗ หุ้น ซึ่งตีราคา ๙๘,๑๖๐ บาทด้วย และต่อมาได้นำหลักทรัพย์มาวางเพิ่มเติมอีก ศาลชั้นต้นว่าหลักทรัพย์ที่วางไว้มีราคา๔ ล้านบาทเศษ ให้หาหลักประกันที่ยังขาดอยู่มาวาง จำเลยได้นำหลักทรัพย์อื่นรวมทั้งที่ดิน ๓ โฉนดมาวาง พร้อมทั้งแสดงหลักฐานการซื้อขายด้วยศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ทุเลาการบังคับ ความจริงเจ้าพนักงานได้ขีดชื่อบริษัทไทยกสิกรอุตสาหกรรม จำกัด ออกจากทะเบียน เป็นบริษัทร้างแล้วใบหุ้นของบริษัทดังกล่าวจึงไม่มีราคา จำเลยก็ทราบดีอยู่แล้ว การที่จำเลยนำไปเป็นหลักทรัพย์วางประกันต่อศาลนั้น แสดงว่ามีเจตนาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จและแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ เป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นหลงเชื่อว่าเป็นความจริง ยอมรับเอาใบหุ้นดังกล่าวเป็นหลักทรัพย์ประกันในการทุเลาการบังคับ และที่ดิน ๓ โฉนดที่จำเลยนำมาเป็นหลักทรัพย์เพิ่มเติมนั้น นายบรรชัยซึ่งเป็นคนของจำเลยได้ซื้อมาจากเจ้าของเดิมในราคาไม่เกินไร่ละ ๖๐๐ บาท แล้วนายบรรชัยโอนขายให้จำเลยในราคาไร่ละเกือบ ๓๐,๐๐๐ บาท รวมเป็น ๔,๘๐๐,๐๐๐ บาท อันเป็นการสมคบกันเพื่อให้มีหลักฐานการซื้อขายว่าเป็นหลักทรัพย์ที่มีราคามาก และจำเลยได้นำหลักฐานดังกล่าวมาแสดงต่อศาลชั้นต้น แสดงว่าจำเลยมีเจตนาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จในราคาที่ดินที่ร่วมกันทำขึ้น เป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นหลงเชื่อจึงสั่งอนุญาตให้ทุเลาการบังคับ การกระทำดังกล่าวของจำเลยทำให้โจทก์และประชาชนได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗ และ ๑๘๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดดังฟ้อง แต่การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๐คงผิดแต่ มาตรา ๑๓๗ ปรับ ๑,๐๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุกและปรับ
จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และว่าจำเลยมิได้กระทำผิด
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นจำคุก ๖ เดือน และปรับ ๑,๐๐๐ บาทโทษจำคุกให้รอไว้
จำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๑/๒๕๐๙ ของศาลชั้นต้นนั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยกับพวกร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ และห้ามจำเลยขุดแร่ในที่ดินตามประทานบัตร โจทก์และจำเลยกับพวกฎีกา จำเลยได้ร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งว่า ให้จำเลยหาหลักประกันในราคา ๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักทรัพย์ถ้าเป็นที่พอใจของศาลชั้นต้น ก็ให้ทุเลาการบังคับได้ จำเลยกับพวกได้เสนอหลักทรัพย์รวมทั้งใบหุ้นของบริษัทไทยกสิกรอุตสาหกรรม จำกัดซึ่งพอทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางได้ถอนทะเบียนเป็นบริษัทร้างแล้ว๑,๒๒๗ หุ้น โดยตีราคาหุ้นละ ๘๐ บาท จำเลยตีราคาหลักทรัพย์ทั้งหมด๑๒ ล้านบาทเศษ แต่ศาลชั้นต้นพอใจในราคาไม่เกิน ๔,๒๒๘,๗๗๕ บาทจึงให้จำเลยกับพวกหาหลักทรัพย์เพิ่มเติม จำเลยกับพวกได้นำหลักทรัพย์มาวางเพิ่มเติม ตีราคา ๗ ล้านบาทเศษ รวมทั้งที่ดินโฉนดที่ ๙๓๔๙,๙๓๕๐, ๙๓๕๑ ซึ่งจำเลยกับพวกตีราคา ๔,๘๐๐,๐๐๐ บาท และได้เสนอหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดิน ๓ โฉนดดังกล่าว ซึ่งระบุว่าซื้อขายกันในราคา ๔,๘๐๐,๐๐๐ บาทด้วย ศาลชั้นต้นพอใจในหลักทรัพย์ที่จำเลยกับพวกนำมาวางจึงอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกาก่อนเสนอใบหุ้นบริษัทไทยกสิกรอุตสาหกรรม จำกัด จำเลยทราบแล้วว่าเป็นบริษัทร้าง ราคาที่ดินที่จำเลยตีมานั้นเกินความเป็นจริงไปมาก
คดีนี้ ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายไม่รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่ง คดีจึงมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะข้อที่ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่
เห็นว่า ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๑/๒๕๐๙ ของศาลชั้นต้นโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากจำเลยตามคำพิพากษาของศาลการที่ศาลสั่งให้จำเลยหาหลักทรัพย์มาวางศาลก็เพื่อที่จะให้ได้หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษา รวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดีด้วย การที่จำเลยนำใบหุ้นของบริษัทร้างซึ่งจำเลยรู้ดีว่าไม่มีมูลค่าไปแจ้งต่อศาลและตีราคาที่ดิน ๓ แปลงสูงจากราคาที่เป็นจริงมาก ทำให้ศาลหลงเชื่อรับทรัพย์สินดังกล่าวไว้เป็นหลักประกันแล้วอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไป หากต้องมีการบังคับคดี โจทก์ก็จะไม่สามารถบังคับคดีเอาจากหลักประกันที่จำเลยนำมาวางศาลได้ครบเต็มตามจำนวนจึงถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗ ของจำเลย โจทก์เป็นผู้เสียหายตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๒(๔) จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้
พิพากษายืน

Share