คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกล่าวต่อหน้าลูกบ้านของโจทก์ว่า โจทก์เป็นผู้ใหญ่บ้านเป็นคนไม่ดีไม่มีศีลธรรม ผู้ใหญ่บ้านหมาๆ บ้าๆ อย่างนี้ไม่ควรเป็นผู้ใหญ่บ้านต่อไป เพราะราษฎรจะได้รับความเดือดร้อน ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยมิได้อ้างถึงข้อความจริงอันใดที่จะให้จำเลยแสดงความคิดเห็นเป็นเช่นนั้น ทั้งผู้ได้ยินได้ฟังก็มิได้รู้ถึงความจริงอันควรจะเชื่อหรือไม่ว่าเป็นดังจำเลยกล่าว แต่กลับจูงใจให้เกิดความเชื่อว่าโจทก์ไม่ควรแก่ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านจึงไม่ใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริตให้ผู้ฟังได้วินิจฉัยเอาเองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ลูกบ้านอาจเกลียดชัง ดูหมิ่นได้เป็นความผิดตามมาตรา 326 แล้ว

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลพิจารณาพิพากษารวมกัน โดยสำนวนแรกโจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง 5 คน สมคบกันนำความไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่าโจทก์ได้โฆษณาต่อหน้าประชาชนในหมู่บ้านหนองจิกใส่ความจำเลยที่ 1ว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านไม่มีศีลธรรม เป็นคนไม่ดี บ้า ๆ หมา ๆ จะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปลดออก ฯ ซึ่งเป็นความเท็จ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 173, 174, 83 และให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทน 20,000 บาท

จำเลยทั้ง 5 ให้การต่อสู้ว่า ได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนเป็นความจริง โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย

สำนวนหลังนายพันเป็นโจทก์ ฟ้องนายฮวดว่าบังอาจกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทโจทก์ต่อหน้าราษฎรหมู่บ้านหนองจิกว่า “วันนี้เวลาบ่ายจะเอาผู้ว่าราชการจังหวัดมาปลดนายพัน (โจทก์) ออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านไม่ดี ไม่มีศีลธรรม อ้ายผู้ใหญ่บ้าน หมา ๆ บ้า ๆ อย่างนี้ไม่ควรเป็นผู้ใหญ่บ้านต่อไป ราษฎรจะได้รับความเดือดร้อน เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายถูกดูหมิ่นเกลียดชังขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326

นายฮวดจำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า นายฮวดกล่าวถ้อยคำดังนายพันฟ้องจริง การที่นายพันไปแจ้งพนักงานสอบสวนและจำเลยพวกนายพันให้การต่อพนักงานสอบสวนจึงไม่เป็นแจ้งเท็จและไม่เป็นละเมิด นายฮวดเรียกค่าเสียหายไม่ได้ ส่วนถ้อยคำที่นายฮวดกล่าวนั้นเป็นการแสดงความคิดเห็นติชมด้วยความเป็นธรรม ยังไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวน

โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าถ้อยคำที่นายฮวดกล่าวทำให้นายพันเสียชื่อเสียง และเมื่อฟังว่านายฮวดกล่าวถ้อยคำดังที่นายพันฟ้องจริงนายพันกับพวกก็ไม่มีผิดฐานแจ้งเท็จ และไม่ต้องใช้ค่าเสียหาย จึงพิพากษาแก้ว่า นายฮวดมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ปรับ 500 บาท

นายฮวดฎีกาทั้งสองสำนวน

ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีที่นายฮวดเป็นโจทก์นั้น เมื่อข้อเท็จจริงทางอาญาถึงที่สุดฟังได้ว่านายพันกับพวกจำเลยไม่ได้แจ้งเท็จแล้วการวินิจฉัยคดีส่วนแพ่งก็ต้องฟังข้อเท็จจริงตามนั้น จึงไม่เป็นละเมิด นายฮวดไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ศาลทั้งสองวินิจฉัยมาชอบแล้ว ส่วนคดีที่นายพันโจทก์หาว่านายฮวดจำเลยหมิ่นประมาทนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาว่านายฮวดได้กล่าวถ้อยคำต่อหน้าราษฎรบ้านหนองจิกว่านายพันซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเป็นคนไม่ดี ไม่มีศีลธรรม ผู้ใหญ่บ้านหมา ๆ บ้า ๆ อย่างนี้ไม่ควรเป็นผู้ใหญ่บ้านต่อไป เพราะราษฎรจะได้รับความเดือดร้อน ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่า นายฮวดจำเลยมิได้อ้างถึงข้อความจริงอันใดให้จำเลยแสดงความคิดเห็นเช่นนั้น ทั้งผู้ได้ยินได้ฟังก็มิได้รู้ถึงความจริง อันควรจะเชื่อหรือไม่ว่าเป็นดังจำเลยกล่าว แต่จำเลยยืนยันข้อเท็จจริงให้ผู้ฟังเชื่อว่า นายพันโจทก์เป็นคนไม่ดี เป็นคนไม่มีศีลธรรม พร้อมทั้งกล่าวคำหยาบคายดูหมิ่นต่อท้ายซ้ำเติมด้วยว่า ความเป็นคนไม่ดีไม่มีศีลธรรมนั้น ถึงขนาดไม่ควรเป็นผู้ใหญ่บ้าน ราษฎรจะได้รับความเดือดร้อน มิใช่แสดงความคิดเห็นให้ผู้ฟังได้วินิจฉัยเอาเอง แต่กลับจูงใจให้เกิดความเชื่อว่าไม่เป็นผู้ควรแก่ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน เพราะเหตุที่เป็นคนไม่ดีไม่มีศีลธรรมจึงไม่ใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 คำกล่าวของจำเลยทำให้นายพันโจทก์เสียชื่อเสียง ลูกบ้านอาจเกลียดชัง ดูหมิ่น ได้ เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 แล้ว ฯลฯ

พิพากษายืน

Share